หน้าแรก
สินค้า
แชทไลน์

banner

ท่ออากาศ ส้วม ชักโครก คืออะไร ? สูงเท่าไหร่ดี ? ถึงระบายกลิ่นเหม็นได้ดี ?

ท่ออากาศ คือ ท่อที่ต่อไว้เพื่อระบายอากาศจากระบบท่อน้ำทิ้งและท่อส้วม อธิบายง่ายๆ คือ มีอากาศสะสมอยู่ภายในท่อตั้งแต่โถไปจนถึง ถังบำบัด เมื่อเรากด ชักโครก น้ำจะดันอากาศจนต้องหาทางระบายออก ดังนั้น ควรมีรูหรือช่องเปิดสำหรับระบายอากาศออก นอกจากนี้ยังช่วยให้สิ่งปฏิกูลไหลลงไปได้ดีขึ้นด้วย ในกรณีที่ไม่มีท่อระบายอากาศ เมื่อเรากดชักโครกจะเกิดความดันลบ คือการดูดอากาศเข้าเพื่อให้สิ่งปฏิกูลไหลลงไปได้ดีขึ้น แต่การดูดอากาศในขณะที่ไม่มีท่อระบายอากาศ หรือท่อระบายอากาศอยู่ไกลเกินไป ทำให้เกิดการลักอากาศจากท่อที่อยู่ใกล้ที่สุด น้ำในคอห่านอาจถูกดึงออกมาด้วย พูดง่ายๆ ก็คือท่อเดินกลิ่นไปยังที่ที่ควรจะส่งไปนั่นเอง หากไม่มีท่ออากาศ กลิ่นที่ไม่พึ่งประสงค์จะไม่มีทิศทางในการระบายออก จะส่งผลทำให้อากาศและสิ่งแวดล้อมบริเวณนั้นไม่พึงประสงค์

ท่ออากาศ ควรสูงเท่าไหร่ถึงจะดี ?

การติดตั้ง ท่อระบายอากาศ นอกจากจะช่วยในการระบายกลิ่นของเสียแล้วนั้น ยังช่วยป้องกันการไหลย้อนกลับของอากาศทำให้การกดชักโครกดีขึ้นด้วย ส่วนของการติดตั้งท่อนั้นควรคำนึงถึงความสูงและวัสดุเป็นสำคัญ หากติดตั้งไม่ได้มาตราฐานจะประสบปัญหานอกจากกลิ่นไม่ถูกระบายออกแล้ว ยังอาจทำให้การกดชักโครกไม่ลงด้วย การติดตั้งที่ควรคำนึงมีดังนี้

  • ใช้ท่อระบายอากาศตัว T แทนท่อระบายอากาศรูเดียว เพื่อป้องกันการอุดตันที่อาจเกิดขึ้นได้กับรูระบายอากาศท่อแบบรูเดียวได้
  • ติดตั้งตะแกรงหรือตาข่ายขนาดเล็กบริเวณปากท่อเพื่อไม่ให้แมลง สัตว์ หรือสิ่งสกปรกอุดตันหรือเข้าไปภายในท่อ
  • ระดับความสูงของท่อไม่ควรน้อยกว่าระดับน้ำที่เคยท่วมถึงพื้นที่หน้างานของแต่ละท่าน หากทำระดับต่ำอาจต้องรื้อทำใหม่ให้ได้ความสูง เพื่อเมื่อเวลาน้ำท่วมการระบายอากาศจะไม่ได้ประสิทธิภาพและแรงดันจากน้ำที่เข้าในไปในท่อจะทำให้กดชักโครกไม่ได้ (ระดับความสูงที่แนะนำ คือ เหนือความสูงคนหรือระดับหลังคาจะช่วยป้องกันกลิ่นเหม็นรบกวน)

ท่อระบายอากาศ สำคัญกับ ส้วม อย่างไร ?

ท่อระบายอากาศกับส้วมนับว่าสำคัญมาก ไม่จำเป็นต้องอยู่สูงกว่าชักโครกขอแค่มีท่อแล้วอากาศในถังส้วมออกได้ ส่วนปลายท่อจะอยู่ไหน ก็แล้วแต่ความเหมาะสม อย่าให้กลิ่นลอยรบกวนเท่านั้น

  1. ท่ออากาศส้วมสามารถช่วยระบายอากาศได้
  2. ท่ออากาศส้วมที่ดีจะทำให้สิ่งปฏิกูลไหลลงได้อย่างดี

ติดตั้งท่ออากาศอย่างไรให้ถูกต้อง ?

ตำแหน่งการติดตั้งควรจะติดตั้งที่ถังบำบัดน้ำเสีย ระดับความสูงของปลายท่อให้สูงกว่าระดับน้ำท่วม ปลายท่อต้องมีที่ป้องกันสัตว์ด้วย ในกรณีที่โถสุขภัณฑ์อยู่ห่างจากถังบำบัด จะต้องติดตั้งท่อระบายอากาศให้ปลายของท่ออยู่เหนือระดับของสุขภัณฑ์ โดยควรซ่อนปลายท่อให้อยู่ในตำแหน่งที่มิดชิด และเป็นตำแหน่งที่กลิ่นไม่รบกวน

วิธีแก้ท่ออากาศส้วมตัน ?

ส่วนใหญ่ปัญหาท่อระบายอากาศตันมักจะเกิดขึ้นบริเวณปากท่อ หากเกิดการอุดตันบริเวณปากท่อให้นำเอาสิ่งที่อุดตันนั้นออกไป แต่หากเกิดบริเวณภายในท่อให้ใช้งูเหล็กหรือฉีดน้ำแรง ๆ ชำระล้างแทน เพื่อให้สิ่งที่อุดตันอยู่ภายในไหลลงสู่ระบบกรองหรือเกรอะต่อไป ก่อนเข้าสู่กระบวนการปรับเปลี่ยนของเสียเพื่อระบายเป็นน้ำที่ดีต่อไป

10 ห้ามทิ้งขยะลงในชักโครก จะทำให้เกิดปัญหาส้วมตัน

ห้ามทิ้งขยะลงในชักโครก ! นับเป็นข้อห้ามที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง ! เวลาเราไปเข้าห้องน้ำสาธารณะ มักจะเห็นป้ายเตือน ” ห้ามทิ้งสิ่งของ กระดาษทิชชู่ ลงใน ชักโครก ” บางคนก็ปฏิบัติตามบางคนก็ขัดต่อการปฏิบัติ ถ้าไม่รู้จักยับยั้งพฤติกรรมของตนเอง จะส่งผลกระทบไปสู่ความเดือดร้อนของตนเองและผู้อื่น นั่นก็คือปัญหา “ส้วมตัน” หากเกิดขึ้นคงจะวุ่นวาย เสียเวลาชีวิต โดยเฉพาะหากทิ้งในชักโครกห้องน้ำบ้านพักอาศัยของตนเอง หากเกิดปัญหานี้แล้วอาจจะต้องรื้อ ถังบำบัด ขึ้นมาใหม่เลยทีเดียว นับว่าเป็นปัญหาที่ไม่สามารถจะแก้ไขด้วยตัวเองได้ ต่างจากปัญหาจุกจิกเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นงาน พื้น ฝ้า ผนัง เพดาน ที่มัก รั่ว ซึม เสื่อมสภาพ ตามระยะเวลาในการใช้งาน ซึ่งเป็นปัญหาที่สามารถจะแก้ไขด้วยตัวเองได้ วันนี้เราจึงรวบรวม “สิ่งของต้องห้ามในการทิ้งลงชักโครก” จะมีอะไรบ้างไปดูพร้อมๆ กัน

 

 

10 วัสดุ ห้ามทิ้งขยะลงในชักโครก

  1. กระดาษชำระ / ทิชชู่เปียก

แม้จะเป็นกระดาษบางๆ แต่ก็ไม่ใช่กระดาษที่จะย่อยสลายในน้ำเหมือนทิชชูบางชนิด แถมยังมีความหนาและเนื้อเหนียว หากกดทิ้งลงไปในชักโครกก็จะกลายเป็นขยะตกค้างอยู่ในท่อและต้องมาตามแก้ไขปัญหากันทีหลังแน่นอน !!

  1. คอตตอนบัด / สำลี

ของใช้ทั้ง 2 ชนิดผลิตจากฝ้าย ซึ่งเป็นวัสดุที่ดูดซับน้ำได้ดี หากสำลีเข้าไปค้างอยู่ท่อระบาย ก็จะค่อยๆ สะสมและจับตัวเป็นขยะก้อนใหญ่ขวางท่อ แถมยังเอาออกยากอีกด้วย

  1. แพมเพิร์ส

ของใช้เด็กที่ผลิตด้วยพลาสติก ถูกออกแบบมาให้ขยายตัวเมื่อสัมผัสกับน้ำ เพราะฉะนั้นอย่าได้คิดที่จะทิ้งไปลงไปเด็ดขาด !! ถ้าหากเข้าไปติดตรงคอห่าน อาจจะต้องรื้อชักโครกเพื่อดึงแพมเพิร์สกันเลยทีเดียว

  1. ผ้าอนามัย / ถุงยาง

ผ้าอนามัยก็ผลิตไม่ต่างจากแพมเพิร์สเด็ก มีการขยายตัวเมื่อถูกน้ำ ส่วนถุงยางก็จะมีความเหนียวย่อยสลายยาก จึงกลายเป็นปัญหาท่อตัน ทางที่ดีควรห่อทิ้งลงถังขยะดีกว่า

  1. ทรายแมว

แม้จะเป็นของเสียที่สัตว์เลี้ยงถ่ายทิ้งไว้ ก็ไม่ควรเททิ้งลงชักโครก เพราะว่าทรายแมวบางชนิดเมื่อโดนน้ำจะพองออกจากขนาดปกติได้มากถึง 15 เท่า หากต้องการทิ้งทรายแมว ควรตักใส่ถุงพลาสติกแล้วทิ้งลงถังขยะไปเลย

  1. ยา

อาจไม่เกี่ยวกับท่ออุดตันโดยตรง แต่หากทิ้งลงไปจนเข้าไปสะสมในท่อมาก ๆ ก็อาจทำให้เกิดปัญหาได้ แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือการทิ้งยาลงไปในชักโครกเป็นการทำลายธรรมชาติทางอ้อม จากสารเคมีที่ปนเปื้อนไปกับน้ำและเป็นการทำลายจุลินทรีย์ที่อยู่ในถังเก็บของเสียอีกด้วย

  1. ไหมขัดฟัน

ไหมขัดฟันเส้นเล็ก ๆ แต่กลับสร้างปัญหาใหญ่ เพราะไม่สามารถย่อยสลายในน้ำได้ หากกดทิ้งลงไปในชักโครกก็กลายเป็นที่ดักจับขยะเอาไว้ ค่อย ๆ สะสมเป็นก้อนใหญ่ค้างอยู่ในท่อน้ำนั่นเอง

  1. พลาสเตอร์ยาปิดแผล

เนื่องจากพลาสเตอร์ยาปิดแผลผลิตด้วยพลาสติกที่ไม่สามารถย่อยสลายได้เอง การทิ้งผิดวิธีนอกจากจะทำลายธรรมชาติแล้ว ยังเป็นตัวปัญหาที่ทำให้ท่อน้ำอุดตันหากทิ้งลงในชักโครกด้วย

  1. ก้นบุหรี่

ไม่ใช่แค่ทำให้ชักโครกดูสกปรกเพราะกดก้นบุหรี่ทิ้งไปไม่ได้ หรือกดทิ้งลงไปแล้วจะทำให้ท่ออุดตันเท่านั้น แต่ในบุหรี่ยังมีสารเคมีตกค้างมากมาย ได้แก่ ท็อกซิน (Toxin) นิโคติน (Nicotine) ที่ปนเปื้อนไปกับน้ำ

  1. น้ำมันและไขมัน

วิธีการทิ้งที่ถูกต้องคือ ใส่ถุงปิดปากถุงให้สนิทแล้วแล้วทิ้งลงถังขยะดีกว่าการเททิ้งลงชักโครก เพราะเมื่อน้ำมันเข้าสู่ท่อก็จะกลายสภาพเป็นไขมันเกาะตามผนังท่อและขวางทางระบายน้ำเมื่อมีการสะสมมากขึ้น

วิธีแก้ไขส้วมตันเบื้องต้น

สำหรับการแก้ปัญหาส้วมตันเบื้องต้น ให้ใช้ที่ปั๊มท่อตันหรืองูเหล็กมาดันสิ่งกีดขวางต่าง ๆ ลงไป เพื่อให้น้ำของชักโครกสามารถไหลได้แบบปกติ โดยหลังจากนั้นก็พยายามอย่าทิ้งขยะหรือสิ่งต่าง ๆ ลงไปในชักโครก เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาท่อตันได้ ส่วนถ้าบ้านไหนมีปัญหาส้วมตันบ่อย ๆ  ก็ควรต้องตามช่างมาหาสาเหตุและจัดการให้ด่วนที่สุด

ถังบําบัดนํ้าเสีย ถังแซท คำนวณ อย่างไร ให้ได้ขนาดที่เหมาะกับการใช้งาน ?

ถังบําบัดนํ้าเสีย คืออะไร ถังบำบัดน้ำเสีย หรือ ถังแซท นับว่ามีประโยชน์ต่อการใช้งานในกิจวัตรประจำวันของเรามาก หลายคนอาจจะ งง ไม่ทราบว่าไปใช้งานตอนไหน ไม่เคยพบเคยเห็นเจ้าถังนี้มาก่อนเลย ต้องไม่เคยเห็นอย่างแน่นอนเพราะถังบำบัดน้ำเสียส่วนใหญ่แล้วจะฝังอยู่ใต้ดินของบ้าน อาคาร บริเวณที่ตรงกับ ห้องน้ำ หรือ ชักโครก ซึ่งถังบำบัดน้ำเสียสำเร็จรูปมีหน้าที่ในการบำบัดของเสียหรืออุจจาระ นั้นเอง โดยใช้จุลินทรีย์ด้านในถังกำจัดกากของ ๆ เสีย หรือ ตะกอน ในพื้นที่ก้นถัง ค่อยๆ ย่อยสลาย ทำให้ไม่เกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ และสามารถบัดบัดน้ำเสียให้สะอาดพอที่จะปล่อยออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะได้ โดยตัวถังจะมีบ่อเกรอและบ่อซึมรวมไว้ในตัว ทำให้สะดวกกับการใช้งานมากกว่าบ่อซึม

ถังบําบัดนํ้าเสีย มีกี่ประเภท ?

ด้านในถังบำบัดส่วนใหญ่จะมีระบบในการบำบัดของเสียอยู่ 2 ส่วนด้วยกัน คือ ส่วนเกรอะและส่วนกรอง โดยส่วนเกรอะจะเป็นด่านแรกในการรับของของเสีย มีหน้าที่ในการแยกตะกอนและกากของเสียขนาดใหญ่ให้เล็กลงและล่วงลงด้านล่างถังได้ หากแยกตะกอนออกไม่หมดส่วนกรองจะทำหน้าที่กรองตะกอนที่ตกค้างอีกชั้นนึง เพื่อให้จุลินทรียที่อยู่ส่วนล่างถังสามารถกำจัดของเสียได้ เพื่อให้ได้น้ำที่มี ค่าบีโอดี BOD (Biological Oxygen Demand ) ที่สามารถปล่อยสู่แหล่งน้ำสาธารณะหรือบ่อพักต่อไป ซึ่งการใช้งาน ถังบำบัดน้ำเสีย สำเร็จรูป มีด้วยกัน 2 ประเภท คือ

  1. แบบไม่เติมอากาศ ใช้จุลินทรีย์ในการช่วยกำจัดของเสีย
  2. แบบเติมอากาศ ใช้ออกซิเจนในการเลี้ยงจุลินทรีย์เพื่อเร่งให้เกิดปฎิกิริยาเคมีทำให้ประสิทธิภาพในการกำจัดของเสียมากกว่าแบบไม่เติมอากาศ

วิธีคำนวณ ขนาด ถังแซท ถังบำบัด อย่างไรให้เหมาะสม

ขั้นตอนการคำนวนหาปริมาณหรือจำนวนลิตรที่เหมาะสมกับการใช้งานนั่นสามารถทำได้ไม่อยาก เพราะมีสูตรในการคำนวนเรียบร้อยแล้ว แต่ก่อนอื่นเราต้องทราบข้อมูลดังต่อไปนี้เพื่อใช้ในการคำนวน

  • จำนวนผู้ที่พักอาศัยหรือจำนวนผู้ใช้งานห้องน้ำ
  • จำนวนการใช้น้ำของคนในแต่ละวัน ถ้าหากไม่ทราบให้ลองคำนวนจากการกดชักโครก 1 ครั้งใช้น้ำประมาณ 12 ลิตร  แต่ชักโครกบางรุ่นอาจจะต่ำกว่านี้ดังนั้นให้ลองประเมินคราวๆ หากเป็นบ้านของเราเองและเราเอง อยู่บ้านใช้ห้องน้ำที่บ้านตลอดเวลา จะใช้ห้องน้ำประมาณ 5 หรือเต็มที่ 10 ครั้งต่อวัน เท่ากับใช้น้ำในห้องส้วมประมาณ 120 ลิตรต่อวัน
  • ปริมาณน้ำเสีย (ร้อยละ 80 ของปริมาณน้ำใช้ต่อวัน)
  • เวลาที่ใช้บำบัด (เฉลี่ย 2 วัน)

สูตรการคำนวนมีอยู่ว่า จำนวนผู้อาศัย x ปริมาณน้ำเสีย หรือ 0.8 x ปริมาณน้ำใช้ต่อคนต่อวัน (ลิตร) x เวลาที่ใช้บำบัด หรือ 2 = ขนาดของตัวถัง (ลิตร )
ยกตัวอย่างเช่น มีผู้อาศัย 5 คน จะได้ ขนาดของตัวถังอยู่ที่ 5×0.8x120x2 = 1536 ลิตร หรือต้องใช้ถังขนาด 1600 ลิตร

ถังแซท ถังบําบัดนํ้าเสีย 2000 ลิตร

ส้วมเต็ม ปัญหาที่เกิดจาก ถังบำบัดน้ำเสีย ถังแซก

ส้วมเต็ม นับเป็นปัญหาที่น่านักใจสำหรับทุกบ้าน ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ ที่เห็นได้อย่างชัดเจน “จุลินทรีย์ที่ใช้เป็นกระบวนการย่อยสลายของเสียที่อาศัยอยู่ใน ถังเกรอะ หรือ ถังบำบัด มีจำนวนน้อยเกินไป ทำให้ย่อยสลายกากของเสียไม่ทัน” แต่ก็ยังมีอีกหลายสาเหตุที่ทำให้ส้วมเต็ม เช่น

  • การใช้สารเคมีหรือน้ำยาล้างห้องน้ำที่มีฤทธิ์เป็นกรดหรือด่างรุนแรงบริเวณรอบโถสุขภัณฑ์ เมื่อสารเคมีเหล่านี้หลุดลงไปในถังบำบัดน้ำเสียแทนที่จะเป็นท่อน้ำเสียเป็นจำนวนมากจนเกินไป ทำให้จุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ก้นถังเกิดตายปริมาณจุลิทรีย์จึงไม่เพียงพอต่อการย่อยสลายนั่นเอง
  • สาเหตุที่สองที่พบบ่อยไม่ต่างจากสาเหตุแรก คือปริมาณการใช้งานไม่เหมาะสมหรือสอดคล้องกับขนาดของ ถังบำบัด ยกตัวอย่างเช่น ถังขนาด 600 ลิตร แต่กับใช้งานในโรงแรม โรงเรียน มหาวิทยาลัย ซึ่งมีปริมาณผู้ใช้งานจำนวนมากทำให้ถังบำบัดเต็มไวจนเกิน สำหรับวิธีแก้ไขอาจต้องต่อถังเพิ่มอีกถัง หรือ ขุดถังเก่าเปลี่ยนเป็นถังใหม่ขนาดเหมาะสมกับปริมาณการใช้งาน หากเลือกซื้อถังควรศึกษาขนาดบรรจุถังว่าเหมาะสมหรือตอบโจทย์กับพื้นการใช้งานของท่านอย่างไร
  • หากเลือกใช้งานขนาด ถังบำบัดสำเสียสำเร็จรูป เหมาะสมแล้ว เป็นถังชนิดเติมอากาศจุลินทรีย์ไม่น้อยแต่ยังประสบปัญหาส้วมเต็มอยู่ โดยส่วนใหญ่จะประสบสาเหตุจากการติดตั้งตั้ง เช่น
    • การติดสุขภัณฑ์ไม่ถูกต้อง
    • การติดตั้งท่ออากาศผิดวิธี
    • การติดตั้งรางน้ำจากชักโครกมายัง ถังแซท ไม่ได้ความลาดเอียงที่เพียงพอ เกิดจากการขุดหลุมฝังถังบ่อเกรอะตื้นเกินไป

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายสาเหตุต่าง ๆ ที่เกี่ยงข้อง บริเวณภายนอกน้ำท่วมขังสูงทำให้ปริมาณถังเก็บของเสียเต็ม หรือ ท่อระบายอากาศมีของอุดทำให้ตัน  เป็นต้น

การเลือกซื้อถังบำบัดน้ำเสีย ที่ดีคืออะไร ?

  • เลือกซื้อกับบริษัทขายถังโดยตรง มี SPCE และ มอก. ระบุ ให้ชัดเจน
  • บริษัทที่สามารถแจ้งราคาทันที
  • สามารถออกแบบขนาดของถังได้ เพื่อความเหมาะสมกับการใช้งานจริง
  • มีบริการจัดส่งได้ตรงเวลา เพราะการติดตั้งถังแซทจะใช้เวลาพอควร
  • สามารถเช็คระยะเวลารับประกันให้ได้อย่างชัดเจน

วิธี คำนวณ พื้นที่ ตรม หาปริมาณ กระเบื้อง แบบง่าย ๆ

คำนวณ พื้นที่ ไม่เป็น ? เชื่อว่าหลายคนที่เข้ามาอ่านจะต้องประสบปัญหาเดียวกันนี้แน่ ๆ อยากตกแต่งต่อเติมพื้นห้อง แต่ติดที่ไม่รู้ สูตรหาพื้นที่ ไม่รู้ วิธีคิด คำนวณหา ตารางเมตร ไม่รู้ว่าจะต้องซื้อกระเบื้องจำนวนเท่าไหร่ถึงจะใช้ได้พอดีกับพื้นที่ห้อง บางคนไปซื้อเองโดยไม่มีความรู้หรือสอบถามช่างก่อน ซื้อ กระเบื้อง ขาดไม่พอกับการใช้งานก็ต้องกลับไปซื้อใหม่ เผลอ ๆ ซวยหนัก แบบลายกระเบื้องที่ซื้อไปก่อนหน้านี้ของหมดก็ต้องรอเวลาร้านเอามาลงใหม่อีก แต่ก็ยังไม่แย่เท่ากับการซื้อเกิน นอกจากสิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุแล้ว ยังต้องหาที่เก็บให้รกบ้านอีก สำหรับวันนี้เราจึงมี วิธีคิดตารางเมตร สำหรับปูพื้นกระเบื้องมาฝากกันครับ เพื่อให้คุณซื้อกระเบื้องได้พอดิบพอดีไม่เหลือไม่ขาด รับรู้ต้นทุนและประมาณค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ ก่อนการตกแต่งต่อเติม

คำนวณ พื้นที่ เป็น ตารางเมตร หาจำนวน กระเบื้อง ที่ต้องใช้ปูพื้นแบบง่าย ๆ

คำนวณ พื้นที่ หน่วย คือ ตารางเมตร

ก่อนที่จะไปเลือกซื้อกระเบื้อง ลำดับแรกที่เราจำเป็นต้องทราบคือ หน่วยของพื้นที่ใช้สอย ซึ่งหน่วยนี้เรียกว่า ตรม โดยปกติที่อยู่อาศัยจะมีการแจ้งว่ามีพื้นที่ใช้สอยทั้งหมดกี่ตารางเมตร ซึ่งหน่วยตารางเมตรเกิดจากด้านกว้างและด้านยาวของพื้นที่นำมาคูณกันก็จะได้พื้นที่ทั้งหมด (ตารางเมตร) เมื่อทราบตารางเมตรของพื้นที่ที่ต้องการแล้ว จึงจะสามารถคำนวณการซื้อกระเบื้องได้อย่างถูกต้อง

 

หลักการ
( พื้นที่ทั้งหมด = ด้านกว้าง X ด้านยาว )

 

ยกตัวอย่าง เช่น ห้องนั่งเล่นกว้าง 10 เมตร ยาว 10 เมตร คำนวณพื้นที่เป็นตารางเมตร เท่ากับ กว้าง (W) 10 x ยาว (H) 10 = ห้องนั่งเล่นมีพื้นที่ 100 ตารางเมตร (m2) ต้องการปูพื้นใหม่ทั้งหมด โดยสนใจ กระเบื้องยางลายไม้ MC-BF ซึ่ง 1 กล่อง สามารถปูได้ 5 ตารางเมตร (m2) สามารถหาปริมาณกระเบื้องที่ต้องซื้อได้โดยเอาพื้นที่ที่ต้องการปู (100) ÷ จำนวน ตารางเมตรต่อกล่อง (5) = 20 ซึ่งเป็นปริมาณกล่องที่จำเป็นต้องซื้อ แต่โดยปกติแล้วห้องส่วนใหญ่จะมีพื้นที่กว้าง  x  ยาวไม่เท่ากัน  ดังนั้น พื้นที่ทั้งหมดเลขจะไม่กลมเหมือนตัวอย่าง หากพื้นที่ที่ต้องการปู ÷ จำนวน ตารางเมตรต่อกล่องแล้วเหลือเศษให้ปัดขึ้นทันที นอกจากนี้การเลือกซื้อกระเบื้องควรเลือกซื้อเผื่อ 3-5 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ใช้งาน สำหรับใช้ซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดหรือตกแต่งเพิ่มเติม

VDO วิธีคิด สูตรหาพื้นที่ห้อง

เพื่อให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ ทุกคน เข้าใจในการหาพื้นที่สำหรับปูกระเบื้องได้อย่าง่ายดาย ทางเราได้จัดทำเป็น VDO เพื่อประกอบการเรียนรู้ โดยมีรายละเอียดการสอนในเนื้อหา หาพื้นที่ หา ตรม. จาก กว้าง x ยาว นอกจากนี้ยังมีการหาพื้นที่รูปแบบ ด้าน x ด้าน การหาพื้นที่รูปแบบสามเหลี่ยม และการหาพื้นที่รูปแบบพิเศษ อีกด้วย เพื่อให้เข้ากับพื้นที่หน้างานและการคำนวนที่แตกต่างกันไป

คำนวนตารางเมตร สำหรับปูกระเบื้องและการหาค่าใช้จ่าย

ตัวอย่างการใช้งาน  โปรแกรมคํานวณตารางเมตร

หัวข้อ รูปแบบ One or multiple rooms เลือก One room/area
หัวข้อ รูปแบบ เลือก Rectangle
หัวข้อ กว้าง / ยาว ในที่นี่ผมจะกำหนดห้องกว้าง 10 (m) และยาว 5 (m)
หัวข้อ ปริมาณ เลือก 1 (เลือกปูห้องนอน 1 ห้อง)
หัวข้อพื้นที่ตารางเมตร ระบบคำนวนพื้นที่ตารางเมตรออกมาเป็น 50 ตร.ม.
หัวข้อ ราคาต่อตารางเมตร ในที่นี้ผมสนใจกระเบื้องยางลายไม้ MC-M ซึ่งมีราคา 1,150 ต่อกล่อง 1 กล่องสามารถปูได้ 5 ตร.ม. เอาราคา 1,150 ÷ 5 จะได้กระเบื้องยางลายไม้ MC-M 230 บาทต่อตารางเมตร นำกรอกในหัวข้อ ราคาต่อตารางเมตร
หัวข้อ ราคารวม ระบบจะคำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมดออกมาเป็น 11,500 บาท โดยคิดเป็นราคาต่อตารางเมตรไม่ใช่ราคาต่อกล่อง
กรณีอยากคิดราคาต่อกล่อง นำตาราเมตรที่ได้ในที่นี้พื้นที่ห้องนอนของผมคือ 50 ตร.ม. ÷ 5 คือ ตร.ม. ต่อกล่องของกระเบื้องยางลายไม้ MC-M จะได้จำนวนกล่องที่ต้องใช้  = 10 กล่อง x ด้วยราคากล่องในที่นี้คือ 1,150 เท่ากับต้องซื้อ 10 กล่องในราคา 11,500 บาท

บ้านน็อคดาวน์ ขอบ้านเลขที่ ขอทะเบียนบ้าน ได้ไหม ? มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ?

บ้านน็อคดาวน์ ขอบ้านเลขที่ ขอทะเบียนบ้าน ได้ไหม ? หากขอได้จะมีขั้นตอนในการดำเนินการแตกต่งจากบ้านทั่วไปอย่างไร ? เป็นคำถามยอดฮิตที่หลายๆ คนสงสัย และต้องการทราบเป็นจำนวนมาก  ดังนั้นในส่วนของบทความนี้ทางเราจึงจะขออธิบายพร้อมกับแนะนำแนวทางในการปฏิบัติ ในการติดต่อเพื่อขอบ้านเลขที่ ขอทะเบียนบ้านในแบบต่างๆ เพื่อเป็นการช่วยไขข้อสงสัยให้กับทุกคนที่สนใจ บ้านน็อคดาวน์ แต่วิตกกังวัลหากซื้อไปแล้วขอทะเบียนบ้าน บ้านเลขที่ ขอน้ำ ขอไฟ ไม่ได้ จะต้องดำเนินการอย่างไร ? บ้านน็อคดาวน์ ถึงแม้จะใช้วัสดุมวลเบาในการก่อสร้างก่อจำเป็นต้องจดทะเบียนและขออนุญาติ ไม่ต่างจากบ้านที่ก่อสร้างจากวัสดุจำพวกอิฐหินปูนเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อมีการก่อสร้างบนพื้นจริง ๆ ก็ต้องขออนุญาตเหมือนเป็นสิ่งปลูกสร้างตามปกติทั่วไป ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายสิ่งปลูกสร้างเดียวกัน ไม่ว่าคุณจะนำบ้านน็อคดาวน์ไปทำเป็นร้านกาแฟ ออฟฟิศ สำนักงาน หรือบ้านจริงๆ และเมื่อคุณต้องการขอสาธารณูปโภคหรือสิ่งอำนวยความสะดวกจากภาครัฐ เช่น ขอน้ำ ขอไฟฟ้า หรืออินเทอร์เน็ต ฯลฯ  ก็ต้องมีการอ้างอิงที่อยู่เหมือนปกติทั่วไป อีกข้อที่สำคัญหากคุณมีบ้านที่ใช้พักอาศัยอยู่แล้ว หรือเคยสร้างบ้านน็อคดาวน์อยู่ในพื้นที่เดียวกันอยู่แล้ว แต่ต้องการบ้านน็อคดาวน์ไปต่อเติมเพิ่มเติมก็ต้องคำนึงถึงกฎหมายการต่อเติมอาคาร ที่พักอาศัยด้วย

บ้านน็อคดาวน์ ขอบ้านเลขที่ ขอทะเบียนบ้าน ได้ไหมครับ

บ้านน็อคดาวน์ ขอบ้านเลขที่ มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ?

สำหรับการขอทะเบียนบ้านและเลขที่บ้านให้กับ บ้านน็อคดาวน์ หรือ บ้านตู้คอนเทนเนอร์ ก็ไม่ได้มีความยุ่งยากหรือซับซ้อน เหมือนการขอให้กับบ้าน อาคาร หรือสิ่งปลูกสร้างทั่วไปเลย คุณสามารถดำเนินการได้ด้วย 4 ขั้นตอนดังต่อไปนี้

  1. โดยขั้นแรกเราจะต้องมีใบอนุญาตก่อสร้างก่อน โดยจะต้องติดต่อกับเจ้าพนักงานในพื้นที่ หากอยู่ในพื้นที่ กทม. ให้ติดต่อสำนักงานเขตฝ่ายโยธา ถ้าอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด ให้ติดต่อสำนักงานเทศบาลหรือ อบต. แผนกกองช่าง เพราะแต่ละที่มีกฎระเบียบและขั้นตอนที่แตกต่างกัน
  2. ขั้นตอนที่สอง นำโฉนดและแบบบ้านไปปรึกษาวิธีการปลูกสร้างหรือติดตั้งให้ถูกต้องก่อน หลังจากแบบถูกอนุมัติ ใบอนุญาตก่อสร้างจะออกภายใน 45 วัน
  3. ขั้นตอนที่สาม ระยะเวลาในการก่อสร้างจะต้องแล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด
  4. ขั้นตอนที่สี่ เมื่อสร้างบ้านน็อคดาวน์เสร็จสมบูรณ์ สามารถนำใบอนุญาตก่อสร้างไปขอบ้านเลขที่กับหน่วยงานที่ติดต่อไปในขั้นตอนที่หนึ่งได้เลย

เอกสารประกอบที่ใช้ ขอทะเบียนบ้าน ขอเลขที่บ้าน มีดังนี้ !

  • เอกสาร ท.ร.9 ใบรับแจ้งเกี่ยวกับบ้านโดยหน่วยงานท้องถิ่น
  • ใบอนุญาตก่อสร้าง
  • โฉนดที่ดินหรือเอกสารสิทธ์แสดงการครอบครองที่ดิน
  • บัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าของบ้าน และบัตรประชาชนของผู้แจ้งขอทะเบียนบ้านหรือผู้แทน
  • รูปถ่ายสิ่งปลูกสร้างที่ดำเนินการเสร็จแล้ว 3 ด้าน (หน้า,หลัง,ข้าง,)

เมื่อยื่นเอกสารครบถ้วน เจ้าหน้าที่จะแจ้งเลขที่ประจำบ้านภายในระยะเวลา 7-30 วันทำการ เมื่อได้เลขที่บ้านเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถนำไปขอ น้ำ,ไฟและอินเทอร์เน็ต กับหน่วยงานต่าง ๆ ต่อได้เลย

ทั้งหมดนี่ก็คือคำตอบในข้อสงสัยที่หลายคนกังวลใจกันว่า บ้านน็อคดาวน์จะขอทะเบียนบ้าน ขอบ้านเลขที่ได้ไหม หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนเข้าใจและทราบวิธีและขั้นตอนการติดต่อกับหน่วยงานภาครัฐในการขอ 2 สิ่งนี้นะครับ สำหรับครั้งหน้าจะมีความรู้อะไรอย่าลืมติดตามกันนะครับ

Back to Top

นโยบายการคืนเงิน

เงื่อนไขการคืนเงิน

  1. กรณีลูกค้าเลือกชำระด้วยบัตรเครดิต

1.1 หากมีการยกเลิกรายการก่อนทำการบรรจุสินค้าลงกล่อง ทางบริษัทฯ จะทำการคืนวงเงินกลับไปยังบัญชีบัตรเครดิตภายในวันทำการถัดไป

1.2 กรณีที่มีการคืนสินค้าหลังได้รับสินค้าเรียบร้อยแล้ว ทางบริษัทฯ จะทำการปรับปรุงคืนวงเงินไปยังบัญชีบัตรเครดิต หรือ Paypal ของลูกค้าภายใน 14 วันทำการนับจากวันที่บริษัทฯ ได้ทำการตรวจสอบและยืนยันการรับคืนสินค้า

  1. กรณีลูกค้าชำระด้วยวิธีการอื่น ๆ นอกเหนือจากข้อ 1

2.1 สำหรับรายการที่มีมูลค่าไม่เกิน 1,000 บาท ทางบริษัทฯ จะทำการโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ของลูกค้า ภายใน 3 วันทำการนับจากวันที่บริษัทฯ ได้ทำการตรวจสอบและยืนยันการรับคืนสินค้า

2.2 สำหรับรายการที่มีมูลค่ามากกว่า 1,000 บาทขึ้นไป ทางบริษัทฯ จะทำการโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ของลูกค้า ภายใน 5 วันทำการนับจากวันที่บริษัทฯ ได้ทำการตรวจสอบและยืนยันการรับคืนสินค้า

เงื่อนไขการรับประกัน

บริษัทฯ รับประกันสินค้าเป็นเวลา 1 ปี นับจากวันที่ซื้อสินค้า และมีเงื่อนไขและข้อกำหนดดังนี้

  1. ภายใต้ระยะเวลาของการรับประกัน บริษัทฯ อาจทำการซ่อมหรือเปลี่ยนสินค้าตัวใหม่ให้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัทฯ
  2. หลังจากซ่อมหรือเปลี่ยนสินค้า การนับระยะเวลารับประกันจะเริ่มนับต่อเนื่องจากที่เหลืออยู่
  3. บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการคิดค่าใช้จ่ายในการซ่อมหรือเปลี่ยนสินค้า โดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ ของบริษัทฯ
  4. สินค้าที่ส่งเคลม จำเป็นต้องทิ้งไว้เพื่อตรวจสอบความบกพร่องหรืออาการเบื้องต้นก่อน
  5. บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบต่อสินค้าที่เสียหายที่อยู่นอกข่ายการรับประกัน หรือ สินค้าที่หมดประกันแล้ว

การรับประกันที่ถือเป็นโมฆะตามเงื่อนไข

  1. สินค้าไม่มี void รับประกันของบริษัทฯ หรือไม่มีหมายเลขเครื่องสินค้า (S/N) หรือสติ๊กเกอร์ของบริษัทฯหรือหลักฐานที่แสดงว่าเป็นสินค้าของบริษัทฯ
  2. สินค้าที่เกิดความเสียหายจากการดัดแปลงแก้ไขหรือซ่อมแซม โดยบุคคลที่ไม่ได้รับมอบหมายจากบริษัทฯ การแกะ/ชำแหละ/ดัดแปลงแปลงแก้ไขโดยผู้ใช้
  3. สินค้าที่เกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุ น้ำ อาหาร ความชื้น อุณหภูมิที่สูงหรือต่ำเกินไป
  4. สินค้าที่เสียหายจากการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง เช่น การติดตั้งผิดพลาด การตกกระแทกแตกหักเสียหาย สัตว์เลี้ยงกัดแทะ ฯลฯ มีผลให้สินค้าเสียหาย เป็นต้น

นโยบายความเป็นส่วนตัว

บริษัทฯ จะพยายามอธิบายผลิตภัณฑ์ให้ถูกต้อง ตรงกับความเป็นจริงมากที่สุด อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ไม่สามารถยืนยันได้ว่าคำบรรยายผลิตภัณฑ์บนเว็บไซต์จะปราศจากข้อผิดพลาดทั้งมวล ดังนั้นหากท่านไม่พอใจในสินค้า หรือเห็นว่าไม่ตรงกับคำบรรยาย บริษัทฯ ยินดีที่จะรับคืนสินค้า (ตามเงื่อนไขการเปลี่ยน คืนสินค้า) เช่นเดียวกัน บริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะแสดงรูปภาพสินค้าที่มีสีที่ถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริง แต่สีที่แสดงบนหน้าจอของท่านอาจผิดเพี้ยนได้ตามการตั้งค่าของหน้าจอ คอมพิวเตอร์ที่แตกต่างกันไป

  1. การป้องกันการฉ้อโกง
    บริษัทฯ มีกระบวนการตรวจสอบการฉ้อโกงหรือการกระทำที่ผิดกฎหมาย บริษัทฯมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธหรือระงับคำสั่งซื้อ หากตรวจพบบัญชีที่มีประวัติการฉ้อโกง และฝ่ายบริการลูกค้าของบริษัทฯ อาจติดต่อท่านผ่านทางโทรศัพท์เพื่อให้ท่านยืนยันคำสั่งซื้อได้ บริษัทฯ อาจยกเลิกบัญชีของผู้ใช้บริการ หากตรวจพบการฉ้อโกงหรือพฤติกรรมที่ผิดกฎหมาย บริษัทฯ บังคับใช้นโยบายดังกล่าวเพื่อปกป้องผู้ใช้บริการของเรา รวมทั้งบริษัทฯ เองจากการถูกต้มตุ๋น หลอกลวง หรือการกระทำที่ผิดกฎหมาย
  2. ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ
    บริษัทฯ ยินดีรับความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากท่านเกี่ยวกับเว็บไซต์ สินค้าและบริการของบริษัทฯโดยความคิดเห็นและข้อเสนอแนะดังกล่าวจะไม่ถือเป็นความลับ และอาจถูกนำไปใช้ ดัดแปลง ทำซ้ำ และเผยแพร่ได้เพื่อจุดประสงค์ใดๆ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะไม่เชื่อมโยงชื่อนามสกุลของท่านกับความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของท่าน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากท่านก่อนเว้นแต่ในกรณีที่เป็นการขัดต่อข้อกฎหมายเท่านั้น

นโยบายการจัดส่ง

บริษัทฯ ยินดีรับเปลี่ยนหรือคืนสินค้าภายใน 14 วันหลังจากการสั่งซื้อ ตามกรณีดังต่อไปนี้

  1. ในกรณีที่ทางบริษัทฯจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าผิดจากรายละเอียดจากการยืนยันการสั่งซื้อครั้งล่าสุดจากทางบริษัท ทางบริษัทฯ ยินดีที่จะรับเปลี่ยนและจัดส่งสินค้าที่ถูกต้อง ให้กับลูกค้าใหม่ภายใน วันทำการ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ
  2. ในกรณีที่มีปัญหาจากตัวสินค้าชำรุดเสียหายเนื่องจากการผลิต หรือสินค้าเกิดความเสียหายเนื่องจากการขนส่งจากทางบริษัท ทางบริษัทฯยินดีที่จะรับเปลี่ยนและจัดส่งสินค้าที่ถูกต้อง ให้กับลูกค้าใหม่ภายใน วันทำการ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ