หน้าแรก
สินค้า
แชทไลน์

banner

แผ่นเมทัลชีท คือ อะไร ทำไมจึงมีหลายคนนิยมในการเลือกใช้วัสดุเมทัลชีทมาทำใช้ในการก่อสร้างและนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆมากมาย แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเลือกใช้วัสดุเมทัลชีได้รับความนิยมสูงมากในยุคปัจจุบัน โดยเฉพราะการนำแผ่นเมทัลชีท มาใช้เป็นวัสดุในการทำบ้านสไตล์ Modern ที่ต้องการความเรียบแบน มีความชันของหลังคาต่ำนั้นเอง

แผ่นเมทัลชีท คือ อะไร มี ข้อดี ข้อเสีย อย่างไร

แผ่นเมทัลชีท คือ อะไร ทำไมจึงมีหลายคนนิยมในการเลือกใช้วัสดุเมทัลชีทมาทำใช้ในการก่อสร้างและนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆมากมาย แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเลือกใช้วัสดุเมทัลชีได้รับความนิยมสูงมากในยุคปัจจุบัน โดยเฉพราะการนำแผ่นเมทัลชีท มาใช้เป็นวัสดุในการทำบ้านสไตล์ Modern ที่ต้องการความเรียบแบน มีความชันของหลังคาต่ำนั้นเอง

แผ่นเมทัลชีท คือ อะไร

แผ่นเมทัลชีทคือ แผ่นโลหะเป็นแผ่นโลหะแบนบางที่ใช้กันทั่วไปในอุตสาหกรรมและการใช้งานต่างๆ โดยทั่วไปจะทำจากวัสดุเช่นเหล็ก อลูมิเนียม หรือทองแดง เมทัลชีท มีหลายขนาด ความหนา และผิวเคลือบที่แตกต่างกัน และสามารถตัด งอ หรือขึ้นรูปเป็นรูปทรงต่างๆ  ได้อย่างง่ายดาย มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในการก่อสร้าง การผลิตยานยนต์ การบินและอวกาศ และอุตสาหกรรมอื่นๆ  อีกมากมาย

การใช้งานและลักษณะทั่วไปของแผ่นเมทัลชีท

การก่อสร้าง: แผ่นเมทัลชีทมักใช้ในการก่อสร้างมุงหลังคา ผนังและหุ้ม ให้ความทนทานและทนทานต่อสภาพอากาศ ทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับทั้งอาคารที่พักอาศัยและอาคารพาณิชย์

การผลิต:  แผ่นเมทัลชีทถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักร และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พวกเขาสามารถตัด งอ และขึ้นรูปเป็นส่วนประกอบได้หลากหลาย

ยานยนต์: ในอุตสาหกรรมยานยนต์  แผ่นเมทัลชีทถูกนำมาใช้เพื่อสร้างแผงตัวถังรถยนต์ ส่วนประกอบแชสซี และองค์ประกอบโครงสร้างอื่นๆ เนื่องจากความแข็งแรงและขึ้นรูปได้

การบินและอวกาศ: การใช้งานด้านการบินและอวกาศมักต้องใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรง แผ่นอลูมิเนียม แผ่นเมทัลชีทและไทเทเนียมมักใช้ในการก่อสร้างเครื่องบินและยานอวกาศ เนื่องจากมีอัตราส่วนความแข็งแรงต่อน้ำหนักสูง

ศิลปะและการตกแต่ง: ศิลปินและช่างฝีมือใช้แผ่น แผ่นเมทัลชีทเพื่อการตกแต่ง เช่น การสร้างประติมากรรม งานศิลปะบนผนัง และลักษณะทางสถาปัตยกรรม โลหะ เช่น ทองเหลืองและทองแดงสามารถขัดเงาให้มีความเงางามสูงและใช้เพื่อความสวยงามได้

เครื่องครัวและเครื่องใช้: แผ่นสแตนเลสและอลูมิเนียมถูกนำมาใช้ทำเครื่องครัว เครื่องใช้ และเครื่องใช้ในครัว เนื่องจากมีความทนทานต่อการกัดกร่อนและการนำความร้อน

อิเล็กทรอนิกส์:  แผ่นเมทัลชีทบางๆ มักเรียกว่าฟอยล์โลหะ ถูกนำมาใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับส่วนประกอบต่างๆ เช่น ตัวเก็บประจุ และแผงวงจรพิมพ์ (PCB) ฟอยล์เหล่านี้สามารถแกะสลักเพื่อสร้างวงจรที่ซับซ้อนได้

การผลิตพลังงาน: แผ่นเมทัลชีทสามารถนำมาใช้ในการก่อสร้างแผงโซลาร์เซลล์ ใบกังหันลม และส่วนประกอบอื่นๆ ในภาคพลังงานหมุนเวียน

ข้อดีของเมทัลชีทได้แก่:

  1. ความทนทาน: แผ่นเมทัลชีทขึ้นชื่อในด้านความแข็งแรงและความทนทาน ทำให้ทนทานต่อการสึกหรอ
  2. ความหลากหลาย: แผ่นเมทัลชีทสามารถขึ้นรูปเป็นรูปทรงและขนาดต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย
  3. ทนความร้อนและไฟ: แผ่นเมทัลชีทมีจุดหลอมเหลวสูงและไม่ติดไฟ ทำให้แผ่นเมทัลชีทเป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับโครงสร้างทนไฟ
  4. ความต้านทานการกัดกร่อน: แผ่นเมทัลชีทมีความต้านทานการกัดกร่อนตามธรรมชาติ ทำให้แผ่นเมทัลชีทเหมาะสำหรับกลางแจ้งหรือสภาพแวดล้อมที่ชื้น
  5. ความสามารถในการรีไซเคิล: แผ่นเมทัลชีทสามารถรีไซเคิลได้สูง จึงเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ข้อเสียของแผ่นเมทัลชีท ได้แก่:

  1. ราคา: แผ่นเมทัลชีทอาจมีราคาแพงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับวัสดุอื่นๆ
  2. น้ำหนัก: แผ่นเมทัลชีทอาจมีน้ำหนักมาก ซึ่งอาจต้องมีการรองรับโครงสร้างเพิ่มเติมระหว่างการติดตั้ง
  3. การส่งผ่านสัญญาณรบกวนแผ่นเมทัลชีทสามารถส่งผ่านการสั่นสะเทือนของเสียง ส่งผลให้ระดับเสียงรบกวนภายในโครงสร้างเพิ่มขึ้น ฉนวนที่เหมาะสมสามารถช่วยบรรเทาปัญหานี้ได้
  4. การบำรุงรักษา: แม้ว่าแผ่นเมทัลชีทโดยทั่วไปจะมีความทนทาน แต่แผ่นเมทัลชีทบางประเภทอาจต้องมีการบำรุงรักษาเป็นประจำเพื่อป้องกันการกัดกร่อนหรือความเสียหาย
5 ขั้นตอนการ ทําความสะอาดบ้าน สำหรับคนขี้เกียจ

5 ขั้นตอนการ ทําความสะอาดบ้าน สำหรับคนขี้เกียจ

ทําความสะอาดบ้าน สำหรับคนขี้เกียจ หรือไม่มีเวลาในการทำความสะอาดเมื่อพูดถึง การทำความสะอาดบ้าน แล้ว เพื่อนๆหลายคนคงเบือนหน้าหนีหรือแค่คิดว่าต้องเสียเวลาไปกับวันหยุดสุดสัปดาห์ในการทำความสะอาดมันก็ทำให้เพื่อนๆหลายคนรู้สึกเหนื่อยใจแล้ว เพราะ การทำความสะอาดบ้าน ในแต่ละอย่างมีขั้นตอนการทำความสะอาดบ้านที่แตกต่างกันการทำความสะอาดบ้าน กลายเป็นปัญหากวนใจสำหรับของใครหลายคน แต่ถ้าไม่ทำความสะอาดเลยก็อาจจะทำให้บ้านของคุณนั้นมีแบคทีเรีย และเชื้อโรคต่างๆ ภายในบ้าน เพราะฉะนั้นวันนี้ทาง Modernchar จะมาบอกขั้น ตอน การ ทํา ความ สะอาด บ้าน 5 ขั้น ตอน ง่ายๆ ให้สำหรับคนขี้เกียจและคนที่ไม่มีเวลาในการทำความสะอาดกันครับ

 

อุปกรณ์ ทําความสะอาดบ้าน ที่ควรมี

ก่อนที่เพื่อนๆจะเริ่มทำความสะอาดบ้านเพื่อนๆ ควรมีอุปกรณ์ทำความสะอาดเพราะการมีอุปกรณ์ความสะอาดนั้น มันสามารถช่วยประหยัดแรงและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาดของเพื่อนๆได้มากกว่าเดิม แล้วสิ่งที่เพื่อนๆควรเตรียมอุปกรณ์มีดังนี้

ถุงมือยาง – นี้คือสิ่งสำคัญมากๆเพราะการทำความสะอาดมักจะต้องมีการใช้ ผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดที่มีสารเคมี การที่เพื่อนๆใส่ถุงมือยางจะเป็นตัวช่วยป้องกันจากสารเคมีต่างๆ ที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์สำหรับ ทำความสะอาดบ้าน

หน้ากากอนามัย – นอกจากที่เพื่อนๆจะมีถุงยางมือเพื่อป้องกันจากสารเคมีแล้ว การมีหน้ากากอนามัยก็เป็นสิ่งสำคัญด้วย เช่นกันเพราะการมีหน้ากากอนามัยจะเป็นตัวช่วย สำหรับการป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์ หรือ ละอองฝุ่นต่างๆ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้แก่เพื่อนๆได้

ไม้กวาด – เป็นอุปกรณ์ทำความสะอาดที่สามารถใช้กวาดสิ่งสกปรก หรือฝุ่นละอองได้ ไม้กวาดเป็นอุปกรณ์ที่มีในทุกๆบ้านซึ่งถ้าเพื่อนๆอยากใช้ไม้กวาด เราขอแนะนำให้เพื่อนๆใช้ไม้กวาดที่เหมาะสำหรับการใช้งานนั้น ยกตัวอย่างเช่น ไม้กวาดทางมะพร้าว ไม้กวาดดอกหญ้า  ไม้กวาดทางมะพร้าว เป็นต้น

ไม้ถูพื้น -ไม้ถูพื้นก็เป็นตัวช่วยสำคัญในการทำความสะอาดบ้านด้วย เพราะหลังจากการที่เรากวาดพื้นหรือดูดฝุ่น การใช้ไม้ถูพื้นจะทำให้พื้นของเพื่อนๆนั้นสะอาดขึ้น และที่สำคัญสามารถทำความสะอาดได้ทุกซอกทุกมุมได้อย่างรวดเร็ว

ผ้าเช็ดทำความสะอาด – ผ้าขี้ริ้วหรือผ้าทำความสะอาด เป็นสิ่งที่สามารถใช้งานได้สารพัดประโยชน์ เพราะการมีผ้าเช็ดทำความสะอาดจะสามารถ เช็ดทำความสะอาด  ในส่วนที่ไม้ถูพื้นไม่สามารถเช็ดถูได้  การมีผ้าเช็ดทำความสะอาดไว้ที่บ้านมันก็เป็นสิ่งที่ดี และทุกบ้านควรมีติดไว้ด้วย

ผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาด – การใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จำเป็นมากๆ เพราะผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาด จะช่วยในกำจัดคราบสกปรกได้ดี และสิ่งสำคัญที่สุดเพื่อนๆควรเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดที่มีคุณภาพและมีกลิ่นหอม เพราะมันจะช่วยให้บ้านของเพื่อนๆสะอาดและมีกลิ่นหอมแน่นอน

5 ขั้นตอนการทำความสะอาดบ้านที่ควรรู้

  1. วางแผน

ก่อนที่เพื่อนๆจะเริ่มทำความสะอาดบ้านก็ต้องมีการวางแผนก่อน เพราะว่าการวางแผนในการทำความสะอาด จะทำให้เพื่อนๆได้รู้ว่าควรทำอะไรก่อนดี การวางแผนนั้น เพื่อนๆแค่เริ่มจากการวางแผนว่าจะจัดการห้องไหนก่อน อาจจะแบ่งงานหรือกำหนดว่าในหนึ่งวันนั้นเราจะทำอะไรบ้างและควรใช้เวลาเท่าไหร่ในการทำความสะอาด  การกำหนดหรือการวางแผนนั้นถือว่าเป็นการเตือนตัวเองอีกด้วย  แต่ถ้าคุณไม่มีเวลาจริงๆ การจ้างแม่บ้าน ให้มาช่วยทำความสะอาดก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง

  1. อุปกรณ์ทำความสะอาด

การทำความสะอาดบ้านนั้น  ถ้าเพื่อนๆอยากให้การทำความสะอาดของเพื่อนๆ นั้นรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อนๆควรเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมทั้งสเปรย์ทำความสะอาดอเนกประสงค์ น้ำยาเช็ดกระจก ผ้าสำหรับเช็ดทำความสะอาด ไม้กวาด เป็นต้น ถ้าเพื่อนๆมีอุปกรณ์ความสะอาดครบแล้ว ก็ควรใส่ทุกอย่างไว้ในตะกร้า เพื่อที่เวลาหยิบหรือใช้งานจะทำให้เพื่อนๆสะดวกมากขึ้น และไม่ต้องวุ่นวายในการเดินไปมาเพื่อหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดให้เสียเวลา  ถ้าเพื่อนๆทำตามคำแนะนำของเรามันจะช่วยทำให้เพื่อนประหยัดเวลามากขึ้น

  1. เคลียร์พื้นที่

มันคงเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและน่าหงุดเหงิดมาก ถ้าเพื่อนๆทำความสะอาดอยู่ดีๆ ก็มีสิ่งที่กีดขวางไปหมดและมันส่งผลทำให้การทำความสะอาดของเพื่อนๆนั้นล่าช้า ก่อนจะเริ่มทำความสะอาด เพื่อนๆแค่เก็บของที่วางระเกะระกะแล้วเก็บเข้าไว้ในที่เดิม หรือเพื่อนๆอาจจะเก็บสิ่งของที่กีดขวางไปไว้ในตู้  สิ่งนี้จะให้การทำความสะอาดของเพื่อนๆนั้นง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น

  1. เริ่มทำความสะอาด

ก่อนที่เพื่อนๆจะเริ่มทำความสะอาด  ถ้าเพื่อนๆอยากให้การทำความสะอาดของเพื่อนๆนั้นรวดเร็ว เพื่อนๆควรจำให้ขึ้นใจว่า เราควรทำความสะอาดบ้านให้เป็นขั้นตอน โดยเพื่อนๆควรเริ่มทำไปทีละห้องและเริ่มจากบนลงล่าง ยกตัวอย่างเช่น กวาดขยะและทำสิ่งสะอาดอย่างอื่นก่อน แล้วค่อยเช็ดพื้นเป็นขั้นตอนสุดท้ายเพราะการเช็ดเผ็ดเป็นอย่างสุดท้ายนั้นจะช่วยในเรื่องสิ่งสกปรกในส่วนต่างๆที่หล่นลงพื้นนั่นเอง

  • ถ้าเป็นห้องนอน ควรนำของใช้ออกจากตู้และชั้นวางออกไปให้หมด ค่อยเช็ดจากชั้นบนลงมาชั้นล่างถ้าทำเช็ดทำความเสร็จ แล้วค่อยจัดของเก็บไว้ที่เดิมให้เรียบร้อย
  • ถ้าเป็นห้องครัวควรทำความสะอาดที่มีคราบหนักก่อน เช่น เตาแก๊สที่มีคราบต่างๆ โดยใช้ผ้าและน้ำยาเช็ดส่วนต่างๆของห้องครัว อย่าลืมแยกอุปกรณ์ของห้องครัวให้เรียบร้อย แต่ถ้าห้องครัวของเพื่อนๆมีกลิ่นเหม็น เพื่อนๆควรเช็คดูว่ากลิ่นนั้นมาจากอะไร เช่นบางทีอาจจะเกิดจากตู้เย็นการล้างตู้เย็นอาทิตย์ละครั้ง มันก็จะทำให้ห้องครัวของเพื่อนๆไม่มีกลิ่นเหม็นด้วย และการใช้สเปรย์ดับกลิ่น มันก็เป็นตัวเลือกที่ทำให้ห้องครัวของเพื่อนๆไม่มีกลิ่นเหม็นอีกด้วย
  • ถ้าเป็นห้องน้ำ เพื่อนๆควรล้างทำความสะอาดสุขภัณฑ์ต่างๆ เช่น ขัดคราบเหลืองที่มีอยู่ในห้องน้ำ และเช็ดกระจก ให้เรียบร้อยก่อน  โดยสิ่งสำคัญที่สุดในการล้างห้องน้ำ คือการใช้น้ำยากำจัดคราบที่ขจัดคราบเหลืองและมีกลิ่นที่หอม ถ้าเพื่อนๆใช้วิธีที่เราแนะนำรับรองว่าห้องน้ำของเพื่อนๆสะอาดและไม่มีกลิ่นเหม็นแน่นอน
  1. จัดการกับขยะอย่างสม่ำเสมอ

เพื่อนๆรู้มั้ยว่าการจัดการขยะอย่างสม่ำเสมอ สิ่งนี้สามารถช่วยลดเวลาในการทำความสะอาดอย่างมาก และที่สำคัญขยะที่เก็บไว้ในบ้านของทุกคนนั้น เพื่อนๆรู้หรือไม่ ว่ามันเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคกับแบคทีเรียจำนวนมาก และเชื้อโรคแบคทีเรีย พวกนี้สามารถทำให้เพื่อนๆเกิดโรคต่างๆได้ง่าย  ดังนั้นเพื่อนๆควรจัดการกับขยะอย่างสม่ำเสมอ  นอกจากจะช่วยรักษาความสะอาดภายในบ้านของเพื่อนๆ  แล้วการจัดกับขยะอย่างสม่ำเสมอนั้นยังช่วยให้เพื่อนไม่ต้องทำความสะอาดมากขึ้นอีกด้วย

 

เป็นอย่างไรบ้างกับขั้นตอนเละเคล็ดลับที่จะช่วยให้เพื่อนๆ จัดการทำความสะอาดบ้านได้อย่างรวดเร็ว และที่สำคัญเพื่อนๆสามารถทำตามได้ไม่ยาก การที่นำขั้นตอนการทำความสะอาดบ้าน มาปรับใช้ได้อย่างเหมาะสม มันจะทำให้บ้านของเพื่อนๆนั้น สะอาดน่าอยู่มากๆ และสำหรับคนที่ขี้เกียจหรือคนที่ไม่มีเวลาในการทำความสะอาด เพื่อนก็ยังสามารถจ้างแม่บ้านทำความสะอาด หรือเพื่อนๆอาจจะใช้หุ่นยนต์ทำความสะอาด สิ่งนี้จะช่วยทำให้เพื่อนๆรู้สึกสะดวกสบายและ ยังช่วยประหยัดเวลาการทำความสะอาดของเพื่อนๆลงได้อีกด้วย

5 เคล็ด (ไม่) ลับ วิธีทำให้ บ้านเย็น สบายแบบไม่ต้องพึ่งแอร์

วิธีทำให้ บ้านเย็น ทำได้ง่าย ๆ เริ่มตั้งแต่การก่อสร้างไปจนถึงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ต้องยอมรับเลยว่าสภาพอากาศของประเทศไทยในช่วงนี้มักจะเป็นสภาพอากาศที่แปรปรวนอยู่เสมอ แต่ถึงสภาพอากาศของประเทศไทยแปรปรวนหรือจะร้อนจะหนาวอย่างไรก็ตาม หลายบ้านก็ยังคงประสบกับปัญหาบ้านที่ร้อนอบอ้าว ต้นเหตุส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากสภาพอากาศอย่างเดียว แต่เกิดจากความร้อนสะสมที่มีอยู่ภายในบ้าน  ปัญหาเหล่านี้เกิดจากระบบระบายอากาศภายในบ้านไม่ดีหรือเกิดจากการใช้ผนังและวัสดุก่อสร้างภายในบ้านที่ไม่สามารถกันความร้อนได้ดีนั้นเอง วีธีแก้คลายร้อนของคนส่วนใหญ่อาจจะเปิดเครื่องปรับอากาศหรือเปิดพัดลมซึ่งวิธีเหล่านี้อาจจะทำให้เพื่อนๆหลายคนต้องเสียค่าไฟเป็นจำนวนมากแต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปเพราะวันนี้ทาง โมเดิร์นชาร์ (Moderncha) จะมาแนะนำ 5 เทคนิค ดีๆที่ทำให้บ้านเย็นสบายแบบไม่ต้องง้อแอร์ ซึ่งวิธีเหล่านี้จะช่วยให้เพื่อนๆไม่ต้องเสียค่าไฟโดยไม่จำเป็นอีกด้วย

 

 

 

วิธีทำให้ บ้านเย็น แก้ปัญหาไม่ร้อนอบอ้าว

เคล็ด(ไม่)ลับที่ 1: แค่เปลี่ยนสีหลังคาก็ช่วยทำให้บ้านเย็นสบายได้

เพื่อนๆรู้หรือไม่ว่าหลังคาก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้บ้านเพื่อนๆเย็นได้เพราะถ้าหากไม่อยากให้บ้านร้อนควรเลือกแผ่นหลังคาเมทัลชีทที่ป้องกันความร้อนได้หรืออาจจะใช้หลังคาที่มีสารเคลือบเซรามิคโค้ทติ้ง (Ceramic Coating) ซึ่งจะช่วยป้องกันจากการสะท้อนความร้อนจากแสงแดดได้ดีแต่ก็ยังมีอีกหนึ่งวิธีง่ายๆนั้นก็คือการเลือกสีหลังคาเพราะหลังคาที่มีสีสว่างอย่างเช่น สีเทา สีขาว จะสะสมและดูดความร้อนได้น้อยกว่าหลังคาที่มีเข้มแต่ถ้าหากเพื่อนๆยังอยากใช้หลังคาที่มีสีเข้มอยู่เพื่อนๆก็ควรเลือกเลือกคาสีเข้มที่มีวัสดุที่กันความร้อน หรือมีคุณสมบัติสะท้อนความร้อนได้ดี

 

เคล็ด(ไม่)ลับที่ 2: กระเบื้องปูก็เป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้บ้านเย็น

กระเบื้องปูก็เป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้บ้านเย็นด้วย  เวลาที่เพื่อนๆเลือกกระเบื้องปูพื้นเพื่อนๆควรเลือกกระเบื้องปูพื้นที่ให้ความเย็นยกตัวอย่างเช่น กระเบื้องเซรามิก กระเบื้องดินเผา หรือ กระเบื้องพอร์ซเลน เพราะกระเบื้องปูพื้นเหล่านี้เป็นกระเบื้องที่ช่วยเก็บความเย็น และระบายความร้อนได้ดี ซึ่งในปัจจุบันกระเบื้องเหล่านี้มีให้เลือกหลากหลายลายตามรสนิยมของเพื่อนๆแต่ถ้าหากเพื่อนๆกังวลเกี่ยวกับความชื้นหรือการเกิดอัคคีภัยก็ควรใช้ กระเบื้องยางของ Mc’s tile เพราะกระเบื้องยางของ Mc’s tile สามารถช่วยป้องกันความชื้นได้ดี ไม่บวมน้ำแถมยังติดไฟได้ยากและที่สำคัญมีชั้นกัน UV ที่มีคุณสมบัติช่วยชะลอให้สีของกระเบื้องยางซีดช้าลงอีกด้วย

 

เคล็ด(ไม่)ลับที่ 3: แค่ใช้ผนังสำเร็จรูปก็ประหยัดแถมทำให้บ้านเย็นอีกด้วย

เพื่อนๆหลายคนอาจจะคิดว่าการก่ออิฐมอญอาจจะเป็นตัวช่วยสำคัญที่ให้บ้านเย็นได้แต่เพื่อนๆอย่าลืมว่าการก่ออิฐมอญก็ยังคงเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและต้องเสียเงินจำนวนมากเช่นกัน  แต่เพื่อนๆอย่ากังวลไปเลยเพราะว่าเรายังมีอีกหนึ่งตัวเลือกที่ทำให้บ้านเพื่อนๆเย็นได้เช่นกัน นั้นก็คือผนังสำเร็จและในปัจจุบันนี้มีผนังสำเร็จรูปมากมายที่หลากหลายรูปหลากหลายสไตล์แต่ผนังสำเร็จรูปบ้างส่วนก็ยังไม่สามารถป้องกันความร้อนได้เพราะฉะนั้นเพื่อนๆก็ควรเลือกผนังสำเร็จรูปที่สะท้อนแสงแดดได้ เช่น ผนังสำเร็จรูปMC’S WALL เพราะ ผนังสำเร็จรูปMC’S WALLมีแผ่น ยังบุ ด้วย Pu foam ทำให้สะท้อนแสงแดด บ้านเย็นสบายอีกด้วย

 

เคล็ด(ไม่)ลับที่ 4: ติดม่านแบบกรองแสงแค่นี้ก็ทำให้บ้านคุณเย็นสบายได้

การเลือกผ้าม่านที่กรอกแสงก็เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความร้อนที่มาจากแสงแดดได้เพื่อนรู้หรือไม่การติดม่านที่หนามีสีเข้มนั้นไม่ได้ทำให้บ้านของเพื่อนๆนั้นเย็นเพราะการติดม่านหนาๆแบบนั้นยิ่งเป็นตัวเก็บความร้อนและยิ่งเมื่อโดนแสงแดดในเวลากลางวันยิ่งทำให้บ้านของเพื่อนร้อนมากขึ้นอีกด้วย  แต่ถ้าหากเพื่อนๆเพิ่มการติดม่านโปร่งแสงที่มีเนื้อผ้าสีขาวบางเบาไว้ด้านนอกสำหรับใช้ในช่วงกลางวันแทนจะช่วยกรองแสงแดดได้และไม่ดูดความร้อนอีกด้วย เพราะการติดม่านแบบนี้ จะช่วยกรองแสงได้มากถึง85-90 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

 

เคล็ด(ไม่)ลับที่ 5: ก่อนจะซื้อบ้านก็ต้องดูวัสดุของบ้านด้วย

หลายคนมักจะสงสัยว่าวัสดุเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้บ้านเย็นไหม  แน่นอนว่ามันสำคัญมากๆเพราะบทความที่เรากล่าวมาข้างต้นวัสดุของบ้านนั้นเป็นสิ่งสำคัญมากๆที่ทำให้บ้านของเพื่อนๆนั้นเย็นสบาย ไม่ว่าจะเป็น ผนัง เพดาน หรือแม้แต่สีของตัวบ้าน ถ้าเลือกวัสดุการสร้างบ้านที่ดีและสามารถป้องกันความร้อนได้  สิ่งเหล่านี้ที่กล่าวมาจะทำให้บ้านของเพื่อนๆนั้นเย็นสบายก็เหมือนกับบ้านน็อคดาวน์ บ้านน็อคดาวน์ส่วนใหญ่จะใช้วัสดุที่ไม่ดูดความร้อน สามารถป้องกันแสงแดดจากดวงอาทิตย์แถมยังใช้ ผนังสำเร็จรูป ISOWALLที่กันความร้อนอีกด้วยเพราะการเลือกวัสดุดีๆเหล่านี้จะทำให้บ้านน็อคดาวน์ไม่ร้อนอย่างแน่นอน

และสิ่งสำคัญต่อให้อากาศประเทศไทยจะร้อนมากแค่ไหนแต่ถ้าหากเราเลือกใช้วัสดุที่กันความร้อนและนำเคล็ด(ไม่ลับ)ของทาง โมเดิร์นชาร์ (Moderncha)ไปใช้รับรองว่าบ้านของเพื่อนๆจะไม่ต้องทนกับความร้อนที่อบอ้าวแถมยังช่วยประหยัดค่าไฟอีกด้วย

สีกันสนิม คือ อะไร เลือกใช้อย่างไรถูก

สีกันสนิม คือ อะไร เลือกใช้อย่างไรดี ? บางคนเลือก สีกันสนิม ที่มีราคาแพงที่สุด เพราะเข้าใจว่าจะช่วยให้งานเหล็กทนทาน และบางคนก็เลือกสีกันสนิมที่มีราคาถูกที่สุด เพราะคิดว่า ยังไงเดี๋ยวก็ต้องทาสีจริงทับลงไป ทั้งสองความคิดนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่จะดีกว่าไหม ถ้าเราจะเลือกใช้สีกันสนิมตามความเหมาะสม เพื่อไม่ให้ต้องจ่ายเงินมากเกินไปโดยใช่เหตุ หรือจ่ายเงินถูก แต่ต้องทาซ่อมทาซ้ำหลายครั้งกลายเป็นจ่ายแพงโดยไม่รู้ตัว

สีกันสนิม คือ อะไร

สีทาเหล็กที่ถูกทาเป็นชั้นรองพื้น โดยชื่อเรียกเต็มๆ นั้น เราจะเรียกกันว่า สีรองพื้นกันสนิม ประกอบด้วยสารเติมแต่งพิเศษที่สร้างกำแพงกั้นระหว่างพื้นผิวโลหะกับสิ่งแวดล้อมโดยรอบ ป้องกันไม่ให้ความชื้นและออกซิเจนเข้าถึงโลหะและทำให้เกิดสนิม สีกันสนิมมักใช้กับพื้นผิวโลหะ เช่น เหล็ก เหล็กกล้า และอะลูมิเนียม และช่วยยืดอายุการใช้งานของโลหะโดยยับยั้งการก่อตัวของสนิม สีกันสนิมสามารถใช้กับพื้นผิวที่เป็นเหล็กหรือโลหะในงานต่าง ๆ เช่น รถยนต์, อาคาร, สะพาน, เสาเคเบิล, เรือ, เครื่องจักร, และอื่น ๆ ที่ต้องควบคุมการเกิดสนิมเพื่อลดการสึกหรอกและเพิ่มอายุการใช้งานของวัตถุนั้น สีกันสนิมมักจะมีส่วนประกอบที่ช่วยให้มีความยืดหยุ่นเมื่อพื้นผิวของวัตถุเปลี่ยนแปลงหรือเคลื่อนไหว ซึ่งช่วยลดการแตกร้าวหรือหลุดร่องของสีในกรณีที่มีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องนอกจากนี้ สีกันสนิมยังทำหน้าที่ช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะของสีจริง หรือที่ช่างเรียกว่า สีทับหน้า กับพื้นผิวเหล็กอีกได้อีกด้วย

การเลือกใช้งานสีกันสนิม

การเลือกใช้งานสีกันสนิมเกิดขึ้นตามความต้องการและสภาพแวดล้อมของวัตถุหรือโครงสร้างที่ต้องการป้องกันการสนิม การเลือกใช้งานสีกันสนิมที่เหมาะสมนั้นควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้

  1. ประเภทของวัตถุ: พิจารณาว่าวัตถุที่ต้องการป้องกันสนิมเป็นโลหะหรือวัตถุอื่น ๆ เช่น ไม้, เหล็ก, เหล็กกล้า, อลูมิเนียม เป็นต้น เนื่องจากสีกันสนิมที่เหมาะสมอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับวัตถุที่ต้องการใช้งาน
  2. สภาพแวดล้อม: พิจารณาสภาพแวดล้อมที่วัตถุจะอยู่ในนั้น เช่น ปริมาณความชื้น, อุณหภูมิ, สภาพอากาศ, และความเครียดต่อการใช้งาน เพื่อเลือกสีกันสนิมที่มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมนั้น
  3. ประสิทธิภาพ: ควรคำนึงถึงประสิทธิภาพของสีกันสนิมว่าสามารถป้องกันสนิมได้ดีและใช้งานได้นานแค่ไหน โดยควรตรวจสอบความทนทานต่อสภาพอากาศและสภาพแวดล้อมในการเลือกสี
  4. ราคา: พิจารณางบประมาณที่มีในการใช้สีกันสนิม เนื่องจากสีกันสนิมที่มีความประสบการณ์ดีและมีความทนทานอาจมีราคาสูงกว่าสีทั่วไป
  5. การทำงานและการติดตั้ง: ควรตรวจสอบขั้นตอนและวิธีการทำงานในการใช้สีกันสนิมว่าง่ายต่อการติดตั้งและใช้งานหรือไม่
  6. ความปลอดภัย: ตรวจสอบว่าสีกันสนิมมีส่วนประกอบอันตรายหรือไม่ และสามารถใช้งานในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงต่อความปลอดภัยได้หรือไม่

เคล็บลับการใช้สีรองพื้นทากันสนิม

เหล็กใหม่ เหล็กยังดี ไม่มีสนิม ใช้สีรองพื้นแดงกันสนิม หรือสีรองพื้นทากันสนิม

เหล็กที่ยังไม่เกิดสนิม แค่เลือกสีรองพื้นแดงหรือเทากันสนิมทั่วไปก็เพียงพอที่เหมาะกับเหล็กใหม่ จะช่วยป้องกันการเกิดสนิม รวมไปถึงช่วยลดปัญหาการลามของสนิม

เหล็กมีสนิม แต่ยังใช้งานได้ดี ใช้สีรองพื้นหยุดสนิมทันที ที่มีระบบอีพ็อกซี่

สีรองพื้นหยุดสนิมระบบอีพ็อกซี่ เป็นสีกันสนิมที่สามารถใช้ได้ทั้งเหล็กเก่าและเหล็กใหม่ คุณสมบัติพิเศษของสีกันสนิมตัวนี้ คือ สามารถช่วยหยุดการลุกลามของสนิมเดิม และป้องกันการเกิดสนิมใหม่ สามารถทาบนพื้นผิวเหล็กที่ไม่พุพองรุนแรงได้เลย หรือหากมีการขัดสนิมแต่ยังมีสนิมหลงเหลืออยู่ก็สามารถทาสีกันสนิมตัวนี้ได้ทันทีหลังจากทำความสะอาดพื้นผิวแล้ว ที่สำคัญ ทนแดด ทนฝน รวมถึงทนความชื้นจากไอทะเล ซึ่งรุนแรงกว่าความชื้นปกติได้ดีอีกด้วย

หากใช้เหล็กกัลวาไนซ์ จำเป็นต้องทากันสนิมเพิ่มไหม

เหล็กกัลวาไนซ์ หรือเหล็กชุบซิงค์ คือ เหล็กที่ผ่านการเคลือบป้องกันสนิมด้วยซิงค์สังกะสี ซึ่งมีหลากหลายกรรมวิธี ไม่ว่าจะเป็นการจุ่มร้อน การทาเคลือบ ไปจนถึงการใช้กระแสไฟฟ้า ซึ่งจะทำให้พื้นผิวเหล็กมีความมันวาว การทาสีเหล็กกัลวาไนซ์ หรือเหล็กชุบซิงค์จึงจำเป็นต้องเลือกสีสำหรับทาเหล็กประเภทนี้โดยเฉพาะ ไม่เช่นนั้นแล้ว อาจทาแล้วไม่ติดพื้นผิว หรือเกิดสีลอกล่อน

 

การเลือกใช้งานสีกันสนิมที่เหมาะสมจะช่วยเสริมความทนทานให้กับวัตถุหรือโครงสร้างและลดความเสียหายจากการสนิมและกัดกร่อน เพื่อยืนอยู่ในเวลานานและลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือบำรุงรักษาในระยะยาว

ผนังไอโซวอล ดูแลอย่างไร ในฤดูฝน

ผนังไอโซวอล ดูแลอย่างไร ในฤดูฝน  ? ฤดูฝนนำมาซึ่งความรู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าให้กับผู้คน แต่ก็สามารถก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นเรื่องของความสมบูรณ์ทางโครงสร้างของที่อยู่อาศัยและพื้นที่ทำงานของเรา ในบทความนี้ เราจะสำรวจว่า IsoWall ซึ่งเป็นระบบผนังที่เป็นนวัตกรรมใหม่สามารถป้องกันความท้าทายที่เกิดขึ้นในฤดูฝนได้อย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร สามารถตามไปอ่านกันได้เลยครับ

 

ไอโซวอล คือ อะไร

IsoWall เป็นผนังที่ออกแบบมาเพื่อให้การป้องกันและทำหน้าที่เป็นฉนวนที่เหนือกว่าสำหรับสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ เช่น บ้านน็อคดาวน์ ซึ่งจะประกอบด้วยแผ่นฉนวนที่ทำจากวัสดุคุณภาพสูง รวมถึงแกนของโพลีสไตรีนที่ขยายตัว ( expanded polystyrene, EPS ) ซึ่งประกบอยู่ระหว่างแผ่นโลหะทนทานสองชั้นครับ

ผนังไอโซวอล ดูแลอย่างไร หน้าฝนมีอะไรที่น่าห่วงบ้าง

  1. การรั่วไหลและการรั่วไหลของน้ำ
  2. ความเสียหายจากความชื้น
  3. ทำให้ความสมบูรณ์ของโครงสร้างของบ้านอ่อนแอลง
  4. เพิ่มระดับความชื้นให้ตัวบ้าน
  5. ทำให้เกิดเชื้อราขึ้นภายในบ้านได้

Isowall ช่วยป้องกันบ้านจากฤดูฝนนี้ได้อย่างไร

  • ความสามารถในการกันน้ำของ Isowall หนึ่งในคุณสมบัติหลักที่ทำให้ IsoWall แตกต่างคือความสามารถในการกันน้ำที่ยอดเยี่ยม การรวมกันของแผ่นโลหะและการออกแบบที่เชื่อมต่อกันของแผงทำให้มั่นใจได้ว่ามีการซีลที่แน่นหนาเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าสู่โครงสร้าง สิ่งนี้ป้องกันการรั่วซึมและความเสียหายจากน้ำได้และปกป้องพื้นที่ภายในบ้านได้ ทำให้ไม่ต้องห่วงในเรื่องคุณสมบัติในการกันน้ำเลย
  • คุณสมบัติในการป้องกันการซึมของน้ำและการเจริญเติบโตของเชื้อราภายในบ้าน ด้วยโครงสร้างที่แข็งแกร่งและวัสดุที่ทนทานต่อสภาพอากาศต่าง ๆ ของ IsoWall ทำให้ความสามารถในการป้องกันการรั่วซึมและความชื้นที่บุกรุกเข้ามาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันและทำให้อาคารแห้งและปกป้องของตกแต่งภายใน เฟอร์นิเจอร์ และทรัพย์สินมีค่าได้อย่างแน่นอน
  • ทำให้โครงสร้างภายในของบ้านยังคงสมบูรณ์อยู่ตลอดเวลา น้ำฝนอาจทำให้ความสมบูรณ์ของโครงสร้างของระบบผนังแบบเดิมลดลงเมื่อเวลาผ่านไป อย่างไรก็ตาม ด้วยความทนทานของ IsoWall และโครงสร้างคุณภาพสูงช่วยเสริมความแข็งแรงและความมั่นคงโดยรวมของโครงสร้าง ช่วยลดความเสี่ยงของความเสียหายที่เกี่ยวข้องกับน้ำและช่วยรักษาอายุการใช้งานของอาคารให้ยั่งยืนได้

ผนังไอโซวอล ดูแลอย่างไร ให้อายุการใช้งานยาวนาน

เทคนิคในการดูแล

IsoWall ต้องการการบำรุงรักษาเพียงเล็กน้อยเพื่อรักษาสภาพและความสวยงาม การทำความสะอาดเป็นประจำด้วยสบู่อ่อน ๆ และน้ำก็เพียงพอแล้ว หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่รุนแรงหรือวัสดุที่มีฤทธิ์กัดกร่อนซึ่งอาจทำให้ผนังเสียหายได้

ความทนทานและอายุการใช้งานของผนังไอโซวอล

IsoWall ได้รับการออกแบบมาให้ทนทานเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ โดยโครงสร้างที่ทนทานและความทนทานต่อสภาพดินฟ้าอากาศทำให้มั่นใจได้ว่าจะยังคงใช้งานได้แม้หลังจากสัมผัสกับสภาพอากาศเป็นเวลาหลายปี และด้วยการดูแลและบำรุงรักษาที่เหมาะสม IsoWall จึงมีอายุการใช้งานยาวนานหลายทศวรรษเลยทีเดียว

IsoWall เป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับการปกป้องบ้านของคุณในช่วงฤดูฝน ด้วยคุณสมบัติการกันน้ำที่ยอดเยี่ยม คุณสมบัติที่ยั่งยืน และความสะดวกในการติดตั้งทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการใช้งานทั้งบ้าน และบ้านน็อคดาวน์ ป้อมยามสำเร็จรูป เมื่อเลือก IsoWall คุณจะมั่นใจได้ถึงสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยหรือการทำงานที่สะดวกสบาย ประหยัดพลังงาน และทนทานได้อย่างแน่นอน แม้ท่ามกลางปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดจากฤดูฝน

 

แผ่น ไฟเบอร์ซีเมนต์ คือ อะไร มี ข้อดี ข้อเสีย ต่างจากไม้จริงอย่างไร

แผ่น ไฟเบอร์ซีเมนต์ คือ อะไร มี ข้อดี ข้อเสีย ต่างจากไม้จริงอย่างไร

ไฟเบอร์ซีเมนต์ คือ อะไร พื้นไม้เทียมประเภทนี้เหมาะกับลักษณะงานแบบไหน พื้นไม้เทียม นั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในโลกของวัสดุก่อสร้างและการก่อสร้างสิ่งต่าง ๆ  ด้วยนวัตกรรมที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อค้นหาทางเลือกใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงพื้นไม้เทียมให้ดีขึ้นสำหรับวัสดุแบบดั้งเดิม หนึ่งในวัสดุที่ได้รับความสนใจอย่างมากคือไฟเบอร์ซีเมนต์ ด้วยองค์ประกอบและคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์ ไฟเบอร์ซีเมนต์ได้กลายเป็นวัสดุทดแทนไม้ที่เชื่อถือได้และหลากหลายในการใช้งานที่หลากหลาย บทความนี้เราจะมาสำรวจแนวคิดของไฟเบอร์ซีเมนต์ในฐานะวัสดุทดแทนไม้ โดยเน้นองค์ประกอบ ประโยชน์ การใช้งาน ความพร้อมในท้องตลาด และคำแนะนำในการติดตั้งกันครับ

ไฟเบอร์ซีเมนต์ คือ อะไร ?

ไฟเบอร์ซีเมนต์เป็นวัสดุผสมที่ประกอบด้วยซีเมนต์ เส้นใยเซลลูโลส และสารเติมแต่งอื่น ๆ โดยได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมให้มีพื้นผิวและรูปลักษณ์เหมือนไม้จริง ๆ และในขณะเดียวกันก็เพิ่มความทนทานและทนทานต่อสภาพอากาศ วัสดุอเนกประสงค์นี้สามารถพบการใช้งานในโครงการก่อสร้างที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม ซึ่งเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับวัสดุที่ทำจากไม้แบบดั้งเดิมครับ

ส่วนประกอบของไฟเบอร์ซีเมนต์ มีอะไรบ้าง

ซีเมนต์ไฟเบอร์ผลิตขึ้นโดยการผสมซีเมนต์ ทราย น้ำ และเส้นใยเซลลูโลสที่ได้จากแหล่งต่าง ๆ เช่น กระดาษรีไซเคิลหรือเยื่อไม้ ซึ่งส่วนผสมเหล่านี้ถูกผสมอย่างระมัดระวังเพื่อสร้างส่วนผสมที่เป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นจึงบ่มภายใต้สภาวะควบคุมเพื่อให้ได้ความแข็งแรงและความทนทานตามที่ต้องการ โดยเส้นใยเซลลูโลสช่วยให้วัสดุมีความแข็งแรงและเสถียรภาพ ในขณะที่ซีเมนต์ให้ความแข็งแกร่งและทนทานต่อสภาพอากาศนั่นเองครับ

ข้อดี ไม้สังเคราะห์ไฟเบอร์ซีเมนต์

ไฟเบอร์ซีเมนต์ให้ประโยชน์ที่โดดเด่นหลายประการที่เด่นกว่าวัสดุไม้แบบดั้งเดิม ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้สร้างและเจ้าของบ้านจำนวนมาก

ความทนทาน : ไฟเบอร์ซีเมนต์มีความทนทานสูงและทนต่อสภาพอากาศที่รุนแรง ทั้งลมแรง ฝน และความผันผวนของอุณหภูมิได้อย่างดีเยี่ยม ลดความเสี่ยงของการขยายตัว การหดตัว การบิดเบี้ยว หรือไม่ซีดจาง รวมถึงรังสียูวี ทนต่อการเน่าเปื่อย การบิดงอ และปลวก ทำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าไม้อีกด้วย มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพและความสวยงามที่สม่ำเสมอ

ทนไฟ : ไฟเบอร์ซีเมนต์มีคุณสมบัติทนไฟ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยเมื่อเทียบกับไม้ และไม่ก่อให้เกิดการแพร่กระจายของเปลวไฟ จึงทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับพื้นที่เสี่ยงต่อไฟป่าหรืออันตรายจากไฟและนำไปสู่ความปลอดภัยโดยรวมของโครงสร้าง

ค่าบำรุงรักษาที่ต่ำ : ไม่เหมือนไม้จริง ไฟเบอร์ซีเมนต์ต้องการการบำรุงรักษาน้อยกว่ามาก และไม่จำเป็นต้องทาสีหรือซีลเป็นประจำ ทำให้ช่วยลดต้นทุนและความพยายามในการบำรุงรักษาในระยะยาว การทำความสะอาดและการตรวจสอบตามระยะมักจะเพียงพอที่จะรักษาให้อยู่ในสภาพที่ดีเยี่ยม

ลวดลายที่เหมือนไม้จริง ๆ : ไฟเบอร์ซีเมนต์สามารถผลิตให้มีลักษณะพื้นผิว ลายไม้ และพื้นผิวต่างๆ ของไม้ ทำให้สามารถออกแบบได้หลากหลาย สามารถลงสีได้หลากหลายสีตามความชอบและสไตล์สถาปัตยกรรมของแต่ละคน

ความคุ้มค่า : แม้ว่าไฟเบอร์ซีเมนต์อาจมีต้นทุนที่สูงกว่าไม้ แต่ความต้องการในการบำรุงรักษาที่ต่ำกว่าและอายุการใช้งานที่ยาวนานทำให้เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าในระยะยาว ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่ลดลง เช่น การทาสีหรือการซีล อาจส่งผลให้ประหยัดได้มากเมื่อเวลาผ่านไป

เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม : ไฟเบอร์ซีเมนต์ใช้วัสดุรีไซเคิลและต้องการการตัดต้นไม้น้อยลง ทำให้เป็นทางเลือกที่ยั่งยืนสำหรับผู้ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังมีรอยเท้าคาร์บอนที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับวัสดุที่ทำจากไม้แบบดั้งเดิม

ไม้สังเคราะห์ไฟเบอร์ซีเมนต์กับไม้จริงแตกต่างกันอย่างไร

ไฟเบอร์ซีเมนต์ได้รับการออกแบบให้มีลักษณะและพื้นผิวใกล้เคียงกับไม้ธรรมชาติ องค์ประกอบของมันช่วยให้สามารถจำลองรูปแบบลายไม้ได้ และทำให้มั่นใจได้ว่าจะได้ผิวสัมผัสที่ดึงดูดสายตาซึ่งให้อารมณ์ของความอบอุ่นและความถูกต้องของเนื้อไม้ ความคล้ายคลึงกันนี้ทำให้ไฟเบอร์ซีเมนต์เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการความสวยงามตามธรรมชาติของไม้โดยไม่มีข้อด้อยแม้แต่น้อยเลยครับ

เทรนด์การรักษ์โลกที่ยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้น

การตัดไม้ทำลายป่า ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการใช้ไม้ต่อสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศป่าไม้มีบทบาทสำคัญในการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ ควบคุมสภาพอากาศ และรักษาสมดุลของระบบนิเวศ การใช้วัสดุทดแทนไม้สามารถช่วยลดความต้องการไม้และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับการเก็บเกี่ยวไม้ได้ครับ

ความทนทาน อายุการใช้งาน และการบำรุงรักษาที่ง่ายกว่า

ไม้มีความอ่อนไหวเป็นอย่างมากต่อการผุพัง เน่า แมลงศัตรูพืช และสภาพดินฟ้าอากาศ ซึ่งจำเป็นต้องมีการบำรุงรักษาเป็นประจำ เช่น การทาสี การซีล และการตรวจสอบเป็นระยะ เพื่อให้มั่นใจถึงอายุการใช้งานและประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เจ้าของบ้านหรือผู้สร้างทุกคนที่มีเวลา ทรัพยากร หรือมีความเชี่ยวชาญในการบำรุงรักษาโครงสร้างไม้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งนี้นำไปสู่ความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับวัสดุที่มีความสวยงามและประสิทธิภาพที่คล้ายคลึงกันโดยต้องการบำรุงรักษาที่ต่ำกว่า

พื้นไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์ได้กลายเป็นวัสดุทดแทนไม้ที่แทบจะไม่มีความแตกต่างจากไม้จริง และเป็นนวัตกรรมใหม่ในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง ซึ่งมีองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น ความทนทาน ต้องการบำรุงรักษาต่ำ และช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ทำให้ไม้เทียมชนิดนี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหาความสวยงามแต่ต้องการรักษ์โลกอีกด้วย ไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์เป็นวัสดุที่เหมาะสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย ด้วยการเลือกใช้ไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์คุณภาพสูงและปฏิบัติตามคู่มือการติดตั้งและบำรุงรักษาที่เหมาะสม ผู้สร้างและเจ้าของบ้านจะได้รับประโยชน์จากวัสดุที่โดดเด่นนี้ไปอีกหลายปีเลยล่ะครับ

ระแนงไม้เทียม นำมา ตกแต่งบ้าน อย่างไร

ระแนงไม้เทียม สําเร็จรูป สามารถนำมา ตกแต่งบ้าน ได้อย่างไร

ระแนงไม้เทียม สําเร็จรูป ได้รับความนิยมมากขึ้นในการเป็นตัวเลือกและมีสไตล์ที่เฉพาะตัวสำหรับการตกแต่งบ้าน ด้วยความงามตามธรรมชาติและความดึงดูดเหนือกาลเวลา องค์ประกอบตกแต่งเหล่านี้สามารถเปลี่ยนพื้นที่ภายในบ้าน ให้กลายเป็นสถานที่ที่อบอุ่นและเชื้อเชิญ ไม่ว่าคุณจะต้องการเพิ่มบรรยากาศที่มีเสน่ห์แบบชนบทหรือสร้างบรรยากาศที่ทันสมัยและเก๋ไก๋ก็ตาม ระแนงไม้ให้ความเป็นไปได้ที่ไม่รู้จบ

ระแนงไม้นำความสวยงามที่มีเอกลักษณ์และน่าหลงใหลมาสู่การออกแบบตกแต่งภายในเป็นอย่างมาก ด้วยความอบอุ่นโดยธรรมชาติและลวดลายที่เป็นธรรมชาติช่วยเพิ่มความลึกและเอกลักษณ์ให้กับห้อง ไม่ว่าคุณจะชอบสไตล์ชนบท สแกนดิเนเวีย หรือร่วมสมัยก็ตาม แผ่นระแนงไม้ก็ช่วยเพิ่มบรรยากาศโดยรวมได้อย่างง่ายดาย ด้วยความหลากหลายนี้เอง ทำให้สามารถใช้งานอย่างสร้างสรรค์ในพื้นที่ต่าง ๆ ในบ้านของคุณ ตั้งแต่ผนังถึงเพดาน พื้น และแม้แต่เฟอร์นิเจอร์ครับ ในบทความนี้ เราจะมาสำรวจประโยชน์และประโยชน์ต่าง ๆ ของการใช้แทนระแนงไม้ในการตกแต่งบ้านของคุณกันครับ

ระแนงไม้เทียม สําเร็จรูป นำไปตกแต่งส่วนไหนได้บ้าง ?

ข้อดีอย่างหนึ่งของระแนงไม้คือความสามารถรอบด้าน ซึ่งสามารถปรับให้เข้ากับสไตล์การออกแบบที่แตกต่างกันและสามารถใช้ได้ทั้งในที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์ ด้วยขนาด พื้นผิว และวิธีการติดตั้งที่หลากหลาย คุณสามารถสร้างสไตล์ที่กำหนดเองซึ่งช่วยเติมเต็มรสนิยมส่วนตัวและการตกแต่งพื้นที่ที่มีอยู่ของคุณ โดยแผ่นไม้สามารถย้อมสีหรือทาสีให้เข้ากับโทนสีใดก็ได้ ทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและผ่อนคลาย

ตกแต่งภายในบ้าน

  1. นำมาตกแต่งผนัง การตกแต่งผนังด้วยระแนงไม้สามารถเปลี่ยนห้องธรรมดาให้กลายเป็นจุดสนใจได้ทันที ด้วยการผสมผสานของแสงและเงาบนระแนงช่วยเพิ่มความลึกและพื้นผิว ทำให้ผนังดูมีเสน่ห์ ไม่ว่าคุณจะเลือกปูผนังทั้งหมดหรือทำให้เป็นแค่กิมมิคที่เอาไว้ตกแต่งห้องเฉย ๆ ก็ตาม ระแนงไม้สามารถเป็นสิ่งตกแต่งห้องที่ดึงดูดตาผู้ที่เดินเข้าห้องมาอย่างแน่นอน
  2. นำมาตกแต่งเพดาน หรือทำเป็นเพดานมันซะเลย เพดานมักถูกมองข้ามเมื่อเป็นเรื่องของการตกแต่งบ้าน แต่ระแนงไม้สามารถเปลี่ยนแปลงความน่าเบื่อได้ การติดตั้งไม้ระแนงบนเพดานช่วยเพิ่มความรู้สึกอบอุ่นและเพิ่มความน่าดึงดูดให้กับห้อง มันสร้างบรรยากาศได้ดีมาก ๆ และทำให้ห้องน่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ขนาดใหญ่ เพดานระแนงไม้ทำงานได้ดีเป็นพิเศษในพื้นที่ต่าง ๆ เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องนอน หรือพื้นที่รับประทานอาหาร โดยสามารถใช้ร่วมกับแสงที่เหมาะสมเพื่อสร้างบรรยากาศสบาย ๆ และช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้อีกด้วย
  3. นำมาตกแต่งพื้นก็ได้นะ ระแนงไม้สามารถใช้เป็นทางเลือกแทนพื้นไม้เนื้อแข็งแบบดั้งเดิม เพิ่มความสวยงามให้กับบ้านของคุณ สามารถติดตั้งได้หลายรูปแบบ เช่น ก้างปลาหรือบั้ง เพื่อสร้างรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและไม่เหมือนใคร พื้นระแนงไม้จะช่วยสร้างบรรยากาศความอบอุ่นและด้วยความสบายของไม้ธรรมชาติ และสร้างความเป็นเอกลักษณ์ให้บ้านของคุณได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ

ตกแต่งภายนอกบ้าน

  1. ใช้ตกแต่งเป็นรั้วบ้านและเป็นผนังที่เอาไว้บังตัวบ้านจากภายนอก ระแนงไม้สามารถใช้เพื่อสร้างรั้วที่ดึงดูดสายตาและเป็นฉากกั้น ซึ่งจะให้ความเป็นส่วนตัวสำหรับพื้นที่กลางแจ้งของคุณ การเว้นระแนงไม้ระแนงเป็นช่วง ๆ ทำให้คุณได้รับความเป็นส่วนตัวในระดับที่ต้องการโดยที่ยังให้อากาศถ่ายเท และในขณะเดียวกันแสงธรรมชาติก็สามารถส่องผ่านได้ ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้รั้วไม้ระแนงแบบดั้งเดิมหรือแบบระแนงไม้เทียม ระแนงไม้จะมอบขอบเขตที่เป็นธรรมชาติและสวยงามให้กับทรัพย์สินของคุณ
  2. การใช้เป็นดาดฟ้าและเป็นหลังคาสำหรับปลูกไม้เลื้อย การใช้ระแนงไม้เป็นดาดฟ้าหรือร้านปลูกไม้เลื้อยสามารถยกระดับการออกแบบได้ดีเลย โดยรวมและบรรยากาศของพื้นที่กลางแจ้งของคุณได้ทันที มันสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและน่าดึงดูดใจ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการสร้างประทับใจให้กับแขกหรือผู้ที่ต้องการความเพลิดเพลินกับยามเย็นที่เงียบสงบกลางแจ้ง ระแนงไม้ยังสามารถให้ร่มเงาและป้องกันแสงแดด ช่วยให้คุณใช้ประโยชน์สูงสุดจากพื้นที่นั่งเล่นกลางแจ้งอีกด้วย
  3. ใช้เป็นสิ่งของตกแต่งสวน ระแนงไม้สามารถใช้อย่างสร้างสรรค์ในสวนของคุณเพื่อกำหนดทางเดิน สร้างแปลงดอกไม้ หรือสร้างโครงสร้างตกแต่ง เช่น เป็นระแนงเพื่อบังตาหรือทำเป็นซุ้มไม้ ซึ่งพวกมันสามารถกลมกลืนกับธรรมชาติโดยรอบได้อย่างแนบเนียน และทำให้สวนของคุณมีเสน่ห์และมีเสน่ห์แบบชนบท แผ่นไม้ยังสามารถย้อมสีหรือทาสีเพื่อเพิ่มสีสันให้กับต้นไม้ของคุณได้อีกด้วย ทำให้สวนของคุณสวยงามไปอีกระดับเลยแหละ

วิธีติดตั้ง ระแนงไม้เทียม ?

ขั้นตอนการเตรียมก่อนที่จะติดตั้ง

วัดพื้นที่ที่จะติดตั้งระแนงและคำนวณปริมาณระแนงไม้ที่ต้องการ พิจารณาวัสดุเพิ่มเติมอื่น ๆ เช่น ตะปูหรือกาวที่อาจจำเป็นต้องใชh เตรียมพื้นผิวโดยให้แน่ใจว่าสะอาด เรียบ และปราศจากสิ่งกีดขวางหรือส่วนที่ยื่นออกมา ขัดบริเวณที่มีความหยาบให้เรียบก่อนและทาไพรเมอร์หากจำเป็น กำหนดรูปแบบการติดตั้งและการจัดวาง ซึ่งรวมถึงการตัดสินใจเกี่ยวกับระยะห่างระหว่างไม้ระแนงและองค์ประกอบอื่น ๆ ในการออกแบบ เช่น ความกว้างสลับกันหรือการจัดวางในแนวทแยง

ขั้นตอนของการติดตั้ง

สำหรับผนัง ให้ยึดไม้ระแนงกับพื้นผิวโดยใช้กาวหรือตะปู ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม้ระแนงแต่ละอันได้ระนาบและอยู่ในแนวเดียวกับไม้ระแนงที่อยู่ติดกันเพื่อให้ดูเป็นเนื้อเดียวกัน

สำหรับการติดตั้งไม้ระแนงบนเพดานหรือพื้น ให้ใช้เครื่องมือที่เหมาะสม เช่น ปืนยิงตะปูลมหรือกาว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดเฉพาะของวิธีการติดตั้งที่คุณเลือก

ปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตสำหรับแผ่นไม้เฉพาะประเภทที่คุณใช้ เพื่อให้แน่ใจว่ามีการติดตั้งที่ปลอดภัยและเป็นเรียบร้อยดี

การดูแลรักษาระแนงไม้

โดยการปัดฝุ่นระแนงไม้เป็นประจำด้วยผ้านุ่มหรือไม้ปัดฝุ่นด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์เพื่อขจัดสิ่งสกปรกหรือเศษผงที่สะสมอยู่ หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีรุนแรงหรือน้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์กัดกร่อน เพราะอาจทำให้ผิวไม้เทียมเสียหายได้ ให้เลือกใช้น้ำยาทำความสะอาดสูตรอ่อนโยนก็เพียงพอแล้ว

การใช้ระแนงไม้ในการตกแต่งบ้านของคุณ จะช่วยเปิดโลกแห่งความเป็นไปได้ในการสร้างพื้นที่ที่อบอุ่น ผ่อนคลาย และดึงดูดสายตา ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้เป็นผนัง เป็นฝ้าเพดาน พื้น หรือตกแต่งภายนอก ระแนงไม้เป็นทางเลือกที่ดีมาก ๆ ด้วยความสวยงามตามธรรมชาติ ความทนทาน และรูปลักษณ์ที่ไร้กาลเวลา ระแนงไม้จะเปลี่ยนบ้านของคุณให้กลายเป็นสถานที่ที่มีสไตล์และความสะดวกสบาย ดูผ่อนคลายเป็นอย่างมาก

หลังคา shingle roof คือ อะไร เหมาะกับประเทศไทยไหม ติดตั้งอย่างไร

หลังคา shingle roof คือ อะไร เหมาะกับประเทศไทยไหม ติดตั้งอย่างไร 

หลังคา shingle roof หรือที่หลายคนเรียกว่า หลังคา ยางมะตอย เป็นองค์ประกอบที่ทับซ้อนกันซึ่งติดตั้งเป็นแถวเพื่อปกปิดพื้นผิวหลังคา นิยมใช้กันแพร่หลายเป็นอย่างมากในการเลือกใช้เป็นวัสดุติดตั้งหลังคา เนื่องด้วยความทนทานและความสามารถในการปกป้องตัวบ้าน ที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์ หรือแม้แต่โรงงานอุตสาหกรรมเองก็นิยมใช้หลังคาประเภทนี้เหมือนกัน   เนื่องจากราคาย่อมเยา มีตัวเลือกที่หลากหลาย และง่ายต่อการติดตั้ง ให้การปกป้องจากองค์ประกอบต่าง ๆ เพิ่มความสวยงามของโครงสร้าง และสามารถมีอายุการใช้งานที่ยาวนานด้วยการบำรุงรักษาที่เหมาะสม ไม่ว่าจะฝนตกแดดออกแรง ๆ หรือว่าจะหิมะตกก็ตาม ก็ยังสามารถทนทานได้เป็นอย่างดี แต่ว่า หลังคาประเภทนี้จะเหมาะกับประเทศไทยหรือไม่ ในบทความนี้ เรามีคำตอบมาให้ครับ

หลังคา shingle roof คือ อะไร ? มีลักษณะอย่างไร ?

หลังคาแบบ shingle roof จะมีลักษณะเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมที่ถูกติดตั้งแบบให้มีส่วนที่ทับกันอยู่ คือ ส่วนล่างของกระบื้องชิ้นบนจะทับกับส่วนบนของกระเบื้องชิ้นด้านล่าง กระเบื้องที่ใช้ปูหลังคาเองก็จะมีหลายวัสดุ เช่น ยางมะตอย ไม้ หรือเหล็ก ด้วยการที่ปูหลังคาทับกันนี่จะทำให้ทนทานมากยิ่งขึ้นครับ

หลังคาประเภทนี้มีข้อดีค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งและดูแลที่ง่ายดาย ทำให้เป็นตัวเลือกอันดับแรก ๆ ของผู้ที่กำลังจะสร้างบ้าน และยังมีสีสัน ลวดลาย และพื้นผิวให้เลือกอย่างมากมาย ทำให้สามารถเลือกได้อย่างเต็มที่เพื่อให้บ้านนั้นออกมาตรงกับความต้องการของเจ้าของบ้านที่สุด นอกจากนี้ยังนำไปตกแต่งบ้านน็อคดาวน์ได้เช่นกัน

หลังคา ยางมะตอย ใช้กับบ้านประเภทไหนได้บ้าง

หลังคาแบบ shingle roof สามารถใช้ได้กับบ้านหลากหลายแนว หลากหลายสไตล์ ด้วยความที่ประยุกต์ใช้ได้ง่าย และมีความคงทนที่ยาวนาน จึงเป็นตัวเลือกที่ดีมาก สำหรับผู้ที่กำลังมองหาหลังคาที่มีอายุการใช้งานที่ยาวนานและมีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ โดยส่วนใหญ่แล้วแผ่นหลังคามักจะทำมาจากยางมะตอยหรือไฟเบอร์กลาส ทำให้มีชั้นที่สามารถกันสภาพอากาศเช่นฝน หิมะ และแสงอาทิตย์

โดยบ้านตามระแวกนอก หรือบ้านแถบชานเมืองแบบดั้งเดิมมักจะมีหลังคาที่ลาดชันหรือเป็นหลังคาแหลม โดยหลังคาประเภทนี้มักจะติดตั้งหลังคาแบบ shingle roof เพราะว่ามีหลากหลายสไตล์และหลากหลายสีให้ได้เลือกใช้งาน ทำให้เจ้าของบ้านสามารถเลือกสีที่เหมาะกับลุคโดยรวมของบ้านได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นบ้านสไตล์โคโลเนียล วิคตอเรียน หรือบ้านสไตล์ช่างก็เหมาะกับหลังคาชิงเกิ้ลรูฟนี้เหมือนกันครับ

บ้านในลักษณะโมเดิร์นหรือบ้านร่วมสมัยก็เหมาะกับการติดตั้งหลังคาชิงเกิ้ลรูปเหมือนกัน เพราะว่าหลังคาประเภทนี้ทำให้บ้านดูปราดเปรียว และดูสะอาดตาด้วยดีไซน์ที่ดูเป็นมินิมอล และหลังคาประเภทนี้ยังทำหน้าที่เป็นฉนวนกันความร้อนให้แก่ตัวบ้านได้อีกด้วย ซึ่งทำให้บ้านประหยัดพลังงานได้มากขึ้น

หรือแม้แต่บ้านที่ตั้งอยู่ในพื้นที่มีสภาพอากาศแบบสุดขั้วก็นิยมใช้หลังคาประเภทนี้ เช่น พื้นที่ป่าฝนที่ฝนตกบ่อย ๆ มีลมแรง หรือแม้แต่มีลูกเห็บตก ด้วยแผ่นหลังคาแบบยางมะตอยจะสามารถปกป้องตัวบ้านให้ทนทานต่อสภาพอากาศต่าง ๆ ได้อย่างแน่นอน

ด้วยความหลากหลายในการประยุกต์ใช้ร่วมกับบ้านได้หลากหลายสไตล์ และความทนทานต่อสภาพอากาศต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี และด้วยสีสันที่หลากหลาย จึงทำให้เป็นตัวเลือกแรก ๆ ของผู้ที่กำลังจะสร้างบ้าน หรือว่าอยากเปลี่ยนหลังคาบ้านของตัวเองนั่นเองครับ ไม่ว่าจะเป็นบ้านแนวคลาสสิกหรือโมเดิร์นก็สามารถใช้หลังคาประเภทนี้ได้อย่างลงตัวครับ

หลังคาซิงเกอร์รูฟ เหมาะกับประเทศไทยไหม

ด้วยความที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความร้อนและความชื้นที่สูง ในบางครั้งก็มีฝนตกหนัก ซึ่งหลังคาประเภทชิงเกิ้ลรูฟสามารถป้องกันตัวบ้านได้เป็นอย่างดี สามารถป้องกันน้ำฝนได้และไม่แตกหักได้ง่าย และด้วยโครงสร้างของกระเบื้องที่ทนทานต่อความร้อน จึงทำให้สามารถทนความร้อนได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

หลังคาชิงเกิ้ลรูฟเป็นหลังคาที่มีประโยชน์อย่างมากหากเทียบกับราคาแล้ว ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคา และยังติดตั้งและดูแลรักษาได้ง่าย ทำให้เหมาะกับบ้านที่กำลังจะสร้างใหม่และบ้านที่กำลังมองหาหลังคาประเภทอื่น ด้วยความทนทานของหลังคาประเภทนี้ จึงทำให้ไม่ต้องเสียเงินเปลี่ยนหลังคาบ่อย ช่วยประหยัดเงินได้อีกเยอะเลย

วิธีการติดตั้ง หลังคาชิงเกิ้ลรูฟ

  1. รื้อกระเบื้องหลังคาเก่าออกก่อน เป็นอันดับแรก โดยรื้อถอนออกให้หมด และเช็คดูด้วยว่ามีส่วนไหนที่ต้องซ่อมแซมรึเปล่า และหลังคาที่ดีควรมีพื้นที่ให้อากาศถ่ายเท เพื่อป้องกันเชื้อราที่อาจเกิดขึ้นได้ ถ้าหากว่ามีความชื้นสะสมอยู่มาก
  2. ติดตั้งวัสดุมุงหลังคา ซึ่งที่มุงหลังคาจะทำหน้าที่เป็นชั้นกันน้ำซึมและปกป้องหลังคาจากการรั่วซึม โดยวัสดุมุงหลังคาส่วนใหญ่จะใช้เป็นวัสดุสังเคราะห์ต่าง ๆ ที่มีพื้นผิวเหมือนกับกระดาษ และที่มุงหลังคาควรที่จะยึดไว้ด้วยตะปูยึดหลังคาหรือลวดเย็บเอา เพื่อทำให้ที่มุงหลังคาเรียนเสมอกันและไม่ยับนั่นเอง
  3. ติดตั้งกระเบื้องหลังคา หลังจากที่ติดตั้งที่มุงหลังคาเรียบร้อยแล้ว โดยการติดตั้งจะเริ่มตั้งแต่ชายคาของหลังคาเลย แล้วติดตั้งทับขึ้นมาเรื่อย ๆ โดยให้ส่วนล่างของกระเบื้องชั้นบนทับส่วนบนของกระเบื้องชั้นล่าง และการตอกตะปูควรที่จะตอกให้ถูกที่บนกระเบื้อง เพื่อหลีกเลี่ยงการฉีกของแถบกาว การติดตั้งหลังคาควรที่จะทำตามคู่มืออย่างเคร่งครัด

เมื่อติดตั้งกระเบื้องหลังคาเสร็จแล้ว ให้เช็คตามขอบ มุม หรือส่วนที่หลังคาประกบกันอย่างถี่ถ้วน เพื่อป้องกันการรั่วซึมของน้ำฝนที่อาจเกิดขึ้นได้ หากไม่ได้มีการติดตั้งที่ครอบคลุมมากพอ และควรติดตั้งที่คลุมสันของหลังคาไว้ด้วยเพื่อการกันน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด และทำการเช็คสภาพโดยรวมของหลังคาอีกทีเป็นอันเสร็จสิ้น

หลังคาชิงเกิ้ลรูฟ ซ่อมแซมอย่างไรหากเสียหาย

ถ้าหากหลังคาชิงเกิ้ลรูปเกิดความเสียหายขึ้น อันดับแรกคือต้องตรวจสอบบริเวณหลังคาทั้งหมดก่อนว่ามีส่วนที่เสียหายเพิ่มเติมไหม และในขณะเดียวกันก็เช็คดูส่วนที่น้ำอาจซึมเข้าไปในหลังคาได้ด้วย ด้วยการไล่เช็คให้ครอบคลุมนี่เอง จะทำให้สามารถวางแผนซ่อมแซมได้อย่างถูกต้อง

เมื่อเราสำรวจจนครบ จนรู้ว่ามีบริเวณไหนของหลังคาที่เสียหายบ้างแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการเอากระเบื้องเก่าออกอย่างระมัดระวัง โดยใช้แชลงเป็นตัวช่วย ระมัดระวังไม่ให้เกิดความเสียหายกับชิ้นอื่นและไม่ให้เกิดความเสียหายกับชั้นที่รองหลังคาด้วย การค่อย ๆ ทำอย่างระมัดระวังเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติม

หลังจากที่นำชิ้นกระเบื้องเก่าออกแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการนำชิ้นกระเบื้องชิ้นใหม่ติดตั้งแทนที่ชิ้นเก่า โดยเริ่มจากวางให้เข้าที่ก่อน ดูให้ดี ให้เสมอกับชิ้นอื่น ๆ ยึดกระเบื้องด้วยตะปูตอกสังกะสี และซ่อมกระเบื้องที่ได้รับความเสียหายทั้งหมด

หลังจากที่ซ่อมแซมทั้งหมดแล้ว เช็คเพิ่มเติมว่ายังมีปัญหาอื่นอีกไหม โดยเช็คภาพรวมทั้งหมดของหลังคา และเช็คถึงจุดที่อาจมีความเสียหายเกิดขึ้น หรือว่าเป็นจุดที่น้ำอาจซึมเข้าหลังคาได้

หลังคา Shingle roof แตกต่างจากหลังคา Metal sheet อย่างไร

  • หลังคา Metal sheet เป็นหลังคาที่ทำมาจากเหล็กที่มีความทนทาน ซึ่งทำให้หลังคานั้นแข็งแรงและทนทาน ในทางตรงกันข้าม หลังคาชิงเกิ้ลรูฟมีหลายวัสดุด้วยกัน เช่น ไม้หรือยางมะตอย เป็นต้น และยังมีความยืดหยุ่นต่อการติดตั้งที่มากกว่าด้วย
  • เมื่อพูดกันถึงเรื่องความสวยงาม หลังคา Metal sheet จะดูโมเดิร์นและปราดเปรียว ด้วยพื้นผิวที่ดูสมูธและมันเงาแบบเหล็กทำให้เสริมสร้างความโมเดิร์นได้เป็นอย่างดี ในขณะเดียวกัน หลังคาชิงเกิ้ลรูฟจะดูดั้งเดิมมากกว่า และด้วยความที่พื้นผิวของกระเบื้อง และการเรียงกระเบื้องเป็นชั้น ๆ ทำให้ดูสวยงามแบบร่วมสมัยและสามารถเข้ากับบ้านได้หลากหลายประเภทมากกว่า
  • ในส่วนของความคงทน หรือความทนทาน หลังคาประเภท Metal sheet จะมีข้อดีในการทนทานต่อสภาพอากาศต่าง ๆ ได้ดีมาก เช่นลมแรง ฝนตกหนัก หรือพายุลูกเห็บ และยังกันไฟได้อีกด้วย เช่นเดียวกันกับหลังคาชิงเกิ้ลรูฟที่มีความทนทานไม่แพ้กันเลยครับ อาจทนทานมากกว่าด้วยซ้ำ เพียงแต่ต้องตรวจเช็คสภาพหลังคาอยู่เป็นประจำ เพื่อทำให้สามารถป้องกันบ้านได้ดีอยู่ตลอดเวลา
  • หลังคาแบบเมทัลชีทจะมีราคาที่แพงกว่าหลังคาชิงเกิ้ลรูฟ แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่มีความทนทานที่สูงและไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนกระเบื้องหลังคาบ่อย จึงทำให้ทั้งคู่เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าคุ้มราคาในระยะยาวครับ

สรุป

หลังคาShingle Roof จะเป็นตัวเลือกที่ดีมาก ๆ สำหรับผู้ที่กำลังมองหาหลังคาที่สวยงาม ราคาคุ้มค่าคุ้มราคา ไม่แพงจนเกินไป และไม่จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนกระเบื้องหลังคาบ่อย ๆ อีกทั้งยังทนทานต่อสภาพอากาศต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี และหากเกิดเหตุการณ์เช่น ไฟไหม้ หลังคาประเภทนี้จะไม่ติดไฟครับ เป็นหลังคาที่เหมาะกับการติดตั้งในประเทศไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งสามารถทนทานต่อความร้อนและความชื้นในเมืองไทยได้เป็นอย่างดี

ฝ้า เพดาน คือ อะไร มีกี่ประเภท จำเป็นต้องมีไหม

ฝ้า เพดาน คือ อะไร จำเป็นไหมที่บ้านทุกหลังต้องมี ? ย้อนไปดูประวัติของฝ้าเพดานกันก่อน เมื่อพันปีก่อน การออกแบบฝ้าเพดาน (Ceiling Design) เป็นส่วนหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม ซึ่งการเกิดขึ้นของงานออกแบบตกแต่งฝ้าเพดานยุคแรกๆ ต้องย้อนเวลาไปถึงต้นปี 1300 กันเลยทีเดียว จริงแล้วจุดแรกเริ่มในอดีตอาจไม่สามารถเรียกว่าฝ้าเพดานได้อย่างเต็มปาก แต่มันคือการตกแต่งเพดานให้มีความสวยงามตามความชอบ และการใช้งานของคนในโบราญ จริงๆแล้วมนุษย์รู้จักการออกแบบตกแต่งเพดานมาตั้งแต่ยุคกรีกโบราณ แต่เพดานโรมันในยุคแรกๆนั้นเต็มไปด้วยการแกะสลัก และภาพวาดประดับตกแต่งเป็นหลัก และในช่วงยุคกอธิคแนวโน้มการตกแต่งฝ้าเพดานได้หันมาใช้องค์ประกอบที่สัมพันธ์กับโครงสร้างเพิ่มขึ้น จะเห็นได้ชัดว่าในยุคนี้เพดานจะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นมากเพื่อรองรับการตกแต่งที่งดงามจากงานปั้น และงานจิตรกรรมที่มีสีสันสดใส จึงมีการวิวัฒนาการมาเรื่อย ๆ โดยเดินทางผ่านประวัติศาสตร์ยุคสมัยต่างๆ มาอย่างยาวนานกินเวลาหลายร้อยปี จากจุดเริ่มต้นแค่การตกแต่งเพดานธรรมดาก็ได้เปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อย ๆ จนถูกพัฒนาให้กลายเป็นระบบฝ้าเพดานในปัจจุบัน

ฝ้า เพดาน คือ อะไร ?

ฝ้า เพดาน คือ อะไร ถ้าพูดกันแบบเข้าใจง่ายๆ เลยนะครับ ฝ้าเพดานเป็นแผ่นวัสดุที่ปิดพื้นที่บริเวณใต้หลังคาและใต้พื้นชั้นบนเพื่อป้องกันความร้อนใต้หลังคาและปิดซ่อนอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ท่อน้ำ สายไฟ ป้องกันเสียง และสำหรับฝ้าที่เป็นวัสดุทนไฟก็ยังช่วยป้องกันไฟได้อีกด้วย การบุฝ้าเพดานในอาคารบ้านเรือนจึงมีประโยชน์ทั้งในแง่การใช้สอยและความสวยงาม หรืออธิบายง่ายๆ ถ้าเรามองขึ้นไปแล้วเห็นหลังคาเลย นั่นแปลว่าบ้านไม่มีฝ้าเพดาน ทุกที่มีฝ้าเพดานหมด อย่างที่บอกไป นอกจากจะสามารถปกปิดโครงสร้างที่ไม่น่ามองแล้ว ยังช่วยเรื่องเสียงรบกวนอีกด้วย อย่างเช่นเกิดมีใครเข้าห้องน้ำอยู่ชั้นบน เสียงกดชักโครก เสียงตามท่อที่ดังออกมา ฝ้าเพดานนี่แหละครับจะกันเสียงไม่ให้เสียงกระจายตัวลงมาชั้นล่าง

ฝ้าเพดาน มีกี่ประเภท

  1. ประเภทที่ 1 ฝ้าเพดานฉาบเรียบฝ้าเพดานประเภทนี้ มักใช้ในงานที่ต้องการความเรียบเนียนกลมกลืนไปกับสไตล์การออกแบบ จึงมักเป็นการติดตั้งแบบถาวรเป็นหลัก โดยวัสดุกรุฝ้านั้นจะนิยมใช้วัสดุแผ่นที่ทำจากยิปซัม และไฟเบอร์ซีเมนต์ โดยจะยึดเข้ากับโครงคร่าวที่ติดตั้งไว้กับโครงหลังคาอีกที เช่น โครงคร่าวประเภท C-Line ซึ่งฝ้านี้จะมีการปิดรอยต่อด้วยปูนสำหรับฉาบ เมื่อเสร็จแล้วจึงทาสีทับลงไป ฝ้าประเภทนี้จึงเรียกว่า “ฝ้าฉาบเรียบ”
  2. ประเภทที่ 2 ฝ้าเพดานแขวนหรือฝ้าทีบาร์ฝ้าประเภทนี้มีความนิยมอย่างมาก เนื่องดวก สะดวกและราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ทั้งยังสามารถเปิดฝ้าเพื่อขึ้นไปซ่อมแซมงานระบบต่างๆ บนเพดานได้อีกด้วย ฝ้ามีโครงเหล็กเป็นรูปตัว T และเป็นตารางเท่าๆ กันเพื่อวางแผ่นยิมซัมโดยลวดเข้ากับโครงหลังคา การติดตั้งฝ้านี้เหมาะกับห้องที่มีขนาดเล็ก ถ้านำไปใช้ในห้องที่มีขนาดใหญ่มากอาจจะเกิดการหย่อนตัวของลวดที่ใช้ยึด
  3. ประเภทที่ 3 ฝ้าเพดานแบบเล่นระดับ หรือ ฝ้าหลุมฝ้าเพดานประเภทนี้ จะเห็นได้ในอาคารเป็นบางแห่ง ฝ้าหลุม เป็นฝ้าที่มีลักษณะเด่นที่สุดด้วยรูปแบบที่สวยงาม ซึ่งมีการเล่นระดับให้ดูมีมิติที่โดดเด่นหรูหรา บางกรณีการออกแบบฝ้าหลุม อาจทำเพื่อให้มีความสอดรับกับการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ซ่อนเครื่องปรับอากาศ ติดตั้งโคมระย้า หรือ พัดลมเพดาน
  4. ประเภทที่ 4 ฝ้าเพดานซ่อนระบบไฟ หรือ ไฟหลืบ ไฟซ่อนฝ้าฝ้าเพดานประเภทนี้ จะมีการเว้นพื้นที่ของฝ้าเพื่อวางแนวไฟส่องสว่างให้ส่องสะท้อนแผ่นฝ้าลงมาสู่พื้นที่ใช้งาน เพื่อให้ได้แสงที่สม่ำเสมอ นุ่มนวล และดูสบายตา โดยส่วนมากมักจะใช้เพื่อสร้างบรรยากาศ และตกแต่งเพื่อเพิ่มความสวยงามหรูหราให้กับพื้นที่นั้นๆ
  5. ประเภทที่ 5 ฝ้าดูดซับเสียง หรือ ฝ้าอคูสติกแต่เดิมฝ้าประเภทนี้ เป็นระบบฝ้าเพดานที่ผสมผสานระหว่างโครงเคร่าฝ้าแบบที-บาร์ โดยมีตัวเลือกของแผ่นฝ้า ที่เป็นแผ่นฝ้าประเภทที่สามารถป้องกันเสียงสะท้อนได้ อย่างเช่น Acoustic Board ที่มีพื้นผิวขรุขระ ซึ่งจะช่วยในการดูดซับเสียงไม่ให้สะท้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงนิยมใช้ในห้องประชุมสัมมนา ,ภายในอาคารสำนักงาน หรือ ห้องแสดงมหรสพต่างๆ
  6. ประเภทที่ 6 ฝ้าเพดานโปร่ง หรือ ฝ้าระแนงฝ้าประเภทนี้นิยมใช้ตกแต่งเพื่อความสวยงาม หรือ เพื่อพรางท่องานระบบต่างๆใต้พื้นอาคาร นอกจากนี้ฝ้าโปร่งแบบระแนงยังช่วยให้อากาศถ่ายเทสะดวก และยังซ่อมแซมง่าย ส่วนใหญ่นิยมใช้กับอาคารสาธารณะที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น โรงแรม ,ห้างสรรพสินค้า ,อาคารสำนักงาน ,สถานีรถไฟฟ้า ,สถานีขนส่ง
  7. ประเภทที่ 7 ฝ้าเพดานติดตั้งพิเศษ ฝ้าประเภทนี้ เป็นฝ้าที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความสวยงาม หรือ ความโดดเด่นแตกต่างให้กับพื้นที่นั้น เรามักจะเห็นตาม ล๊อบบี้โรงแรม หรือ ภายในรีเทลช๊อป เพื่อดึงดูดความสนใจ ลักษณะของฝ้าประเภทนี้จะมีรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะต่างจากฝ้าทั่วไป และอาจมีการผสมผสานในด้านการใช้วัสดุที่หลากหลายขึ้น เช่น กระจก ,อะคริลิค ,ผ้าใบ ,ผ้าตกแต่ง ,แผ่นอลูมิเนียม ไม้จริง หรือ ไม้เทียม ตกแต่งเป็น ฝ้าระแนง เป็นต้น ซึ่งจะต้องใช้ความชำนาญในการติดตั้งมากกว่าฝ้าแบบทั่วไป
  8. ประเภทที่ 8 ฝ้าชายคา หรือ ฝ้าเพดานภายนอกฝ้าเพดานประเภทนี้ เป็นฝ้าที่ใช้ปิดเพดาน และชายคาที่อยู่นอกอาคาร มีจุดประสงค์หลักในการป้องกันสัตว์ต่างๆเข้ามาใต้เพดาน ป้องกันความร้อนจากภายนอก และช่วยระบายอากาศจากใต้หลังคา เราจึงมักเห็นฝ้าที่ออกแบบให้มีร่องระบายอากาศสำหรับใช้ภายนอกตึกสูงหรือนอกอาคารสูงนั่นเอง

ฝ้าเพดานจำเป็นต้องมีไหม

คำตอบ คือ ไม่จำเป็นก็ได้ครับถ้าโครงสร้างของคุณสวย อย่างเช่น เดินท่อน้ำเรียบร้อย เก็บสายไฟสวยงาม หรืออยากจะโชว์สิ่งต่างๆ เหล่านี้ คุณสามารถไม่ต้องติดตั้งฝ้าก็ได้ครับ ยกตัวอย่างเช่น งานสไตล์ลอฟท์ งานปูนเปลือย ที่วิศวรจะออกแบบมาเฉพาะเลย แต่ในความเป็นจริง สายไฟเอย ท่อน้ำไม่น่าดู โครงสร้างไม่น่าดู เราจึงไม่อยากจะโชว์อะไรแบบนี้ให้คนผ่านไปผ่านมาเห็น เราจึงต้องมีฝ้าเพดานเพื่อมาปิดสิ่งเหล่านี้เพิ่มความเรียบร้อยสวยงามนั่นเองครับ

ทีนี้ก็รู้แล้วใช่มั้ยล่ะครับว่าฝ้าคืออะไร มีคุณสมบัติอย่างไร การจะติดตั้งฝ้าควรจะเลือกแบบที่เหมาะสมกับอาคารให้ถูกต้อง ที่สำคัญเลยนะครับการเลือกวัสดุการทำฝ้าก็เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก ควรพิจารณาก่อนเลือกซื้อทุกครั้ง ไม่มีสิ่งไหนที่ดีที่สุด มีเพียงสิ่งที่เหมาะสมกับงานที่สุด

กระเบื้องยาง ดีไหม 7 เหตุผล ที่คนหันมาเลือกใช้กันมากขึ้น

กระเบื้องยาง ดีไหม ? 7 เหตุผล ที่คนหันมาเลือกใช้กันมากขึ้น

กระเบื้องยาง ดีไหม ทำไมคนไทยถึงหันมาใช้วัสดุประเภทนี้เยอะขึ้น ! ปัจจุบันคนไทยนิยมหันมาสร้างบ้านและตกแต่งบ้านในสไตล์ยุโรปกันมากขึ้น หรือที่เราได้ยินติดหูเลยก็คือ สไตล์โมเดิร์น ซึ่งลักษณะตัวบ้านสมัยนี้ก็จะแตกต่างกับรูปทรงบ้านสมัยก่อนไปครับ ซึ่งด้วยสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา คนไทยจึงหันมาเลือกใช้วัสดุสังเคราะห์กันมากขึ้น เพราะหาง่ายติดตั้งง่ายทำเองได้ โดยเฉพาะพื้นบ้าน แทนที่จะเป็นพื้นไม้หรือซีเมนต์อย่างแต่ก่อน แต่ปัจจุบันผู้คนได้เลือกหันมาใช้กระเบื้องยางกันเป็นอย่างมากเพราะ สะดวก ทนทาน เลือกลายได้หลากหลาย มีความสวยงาม แถมราคาประหยัดคนจึงหันมาเลือกใช้กระเบื้องยางกัน นอกจากจะทำให้ห้องดูมีมีราคาแล้ว ยังทำให้ห้องดูอบอุ่นขึ้นด้วย แต่การจะใช้ไม้จริงมาเป็นพื้นทั้งหลังแล้ว แน่นอนว่าราคาก็จะสูงกว่าเมื่อเทียบกับกระเบื้องยางลายไม้ นอกจะจะสวยงามเหมือนพื้นจริงและราคาไม่แพงแล้ว การใช้กระเบื้องยางลายหินอ่อนที่ให้ภาพลักษณ์หรูหรายังมีจุดเด่นที่ไม่ทำให้โครงสร้างรับน้ำหนักมากถ้าเทียบกับการนำแผ่นหินอ่อนมาปูพื้นบ้านด้วย เจ้าตัวกระเบื้องนี้ยังมีคุณสมบัติที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันของคุณได้อย่างดีเลยล่ะครับ วันนี้เลยจะมาบอก 7 คุณสมบัติของเจ้ากระเบื้องยางกันว่ามีอะไรบ้างครับ

กระเบื้องยาง ดีไหม 7 เหตุผล ที่คนเลือกใช้

สาเหตุที่ 1 เลย เรื่องของ “การเก็บเสียง” โดยปกติแล้วเมื่อปูพื้นไปได้สักระยะหนึ่งจะเริ่มมีเสียงดัง เอี๊ยด อ๊าด เมื่อเดิมเหยียบย้ำลงไปบนพื้นไม้ แต่สำหรับกระเบื้องยางนี้กลับสามารถเก็บเสียงได้ดีไม่ทำให้เกิดเสียงใดๆ โดยเฉพาะบ้านหลายชั้นจะไม่ทำให้บ้านมีเสียงดังน่ารำคาญ

สาเหตุที่ 2 “เดินแล้วรู้สึกสบายเท้า” โดยปกติแล้วพื้นอาจให้ความสัมผัสที่ลื่นๆ รู้สึกเดินแล้วรู้สึกดีในตอนแรกแต่หากเดินไปนานๆอาจทำให้เท้าของเรารู้สึกถูกเสียดสีได้ง่าย แต่หากลองเปลี่ยนมาใช้กระเบื้องยาง จะทำให้รู้สึกสัมผัสพื้นที่เปลี่ยนไปคือ เดินแล้วไม่เกิดการเสียดสีของเท้ากับพื้นและที่สำคัญคือหากเดินแล้วอาจทำให้เกิดความรู้สึกนุ่มบริเวณที่เท้า

สาเหตุที่ 3 “ทนต่อรอบขีดข่วน” แน่นอนว่าหลายคนรับไม่ได้กับการที่พื้นมีรอยขีดข่วนอย่างแน่นอน หากเปลี่ยนมาใช้กระเบื้องยางแล้วจะหมดปัญหาเหล่านี้ไป เพราะกระเบื้องยางลายไม้สามารถทนต่อการขีดข่วนอย่างมาก

สาเหตุที่ 4 “กันน้ำกันชื้นกันไฟลุกลามแถมยังกันปลวกกินได้” กระเบื้องสามารถกันน้ำได้ทำความสะอาดได้ง่ายไม่ทำให้ชื้น ไม่ทำให้ไฟลุกลาม และตัวกรัเบื้องยางนะครับ เป็นเพียงแค่ PVC ลายไม้ จึงไม่สามารถเป็นอาหารให้กับปลวกได้ ยังไงล่ะครับ

สาเหตุที่ 5 “มีความยืดยุ่นไม่แตกหักได้ง่าย” เนื่องจากกระเบื้องยางลายไม้มีความยืดหยุ่นสูง จึงไม่ทำให้แตกหักง่าย ซึ่งก็จะมีความทนทานและสามารถใช้งานได้อย่างยาวนานเลยล่ะ หรือหากมีส่วนไหนที่ต้องซ่อมแซมก็สามารถซ่อมแซมได้ง่ายและไม่ทำให้พื้นดูมีตำหนิเหมือนพื้นไม้อื่นๆ อีกด้วย

สาเหตุที่ 6 “มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน” เรื่องอายุการใช้งานต้องยกนิ้วให้กระเบื้องยางลายไม้เลยครับ เพราะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานถึง 15-20 ปีเลยล่ะ แต่ก็ต้องดูที่ความหนาของชั้นเคลือบด้วยครับ เพราะยิ่งชั้นเคลือบหนาเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีอายุการใช้งานมากเท่านั้น แต่ก็อาจจะมีราคาแพงขึ้นตามความหนาของชั้นเคลือบเช่นกัน

สาเหตุที่ 7 “ราคาไม่แพงสามารถติดตั้งเองได้” ตัวกระเบื้องยางนี้นะครับส่วนมากที่พบเจอนั้นจะขายเป็นกล่องๆ แต่ละกล่องจะระบุตารางเมตรไว้ชัดเจน ราคาต่อกล่องจะเริ่มต้น 200 ขึ้นไปตามขนาดและความหนาของแผ่นครับ หาซื้อได้ง่ายสามารถติดตั้งเองได้ประหยัดเงินไปกับการที่จะจ้างช่างไปได้เลยล่ะครับ และทั้งหมดนี่ก็คือสาเหตุว่าทำไมคนไทยถึงนิยมหันมาใช้กระเบื้องยางลายไม้กันครับ ราคาไม่แพงถ้าเทียบกับการปูไม้ทั้งหลังแถมยังสามารถติดตั้งเองได้ ทนทานต่อการใช้งานและสวยงามไม่แพงพื้นไม้จริงๆ เลยล่ะครับ

Back to Top

นโยบายการคืนเงิน

เงื่อนไขการคืนเงิน

  1. กรณีลูกค้าเลือกชำระด้วยบัตรเครดิต

1.1 หากมีการยกเลิกรายการก่อนทำการบรรจุสินค้าลงกล่อง ทางบริษัทฯ จะทำการคืนวงเงินกลับไปยังบัญชีบัตรเครดิตภายในวันทำการถัดไป

1.2 กรณีที่มีการคืนสินค้าหลังได้รับสินค้าเรียบร้อยแล้ว ทางบริษัทฯ จะทำการปรับปรุงคืนวงเงินไปยังบัญชีบัตรเครดิต หรือ Paypal ของลูกค้าภายใน 14 วันทำการนับจากวันที่บริษัทฯ ได้ทำการตรวจสอบและยืนยันการรับคืนสินค้า

  1. กรณีลูกค้าชำระด้วยวิธีการอื่น ๆ นอกเหนือจากข้อ 1

2.1 สำหรับรายการที่มีมูลค่าไม่เกิน 1,000 บาท ทางบริษัทฯ จะทำการโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ของลูกค้า ภายใน 3 วันทำการนับจากวันที่บริษัทฯ ได้ทำการตรวจสอบและยืนยันการรับคืนสินค้า

2.2 สำหรับรายการที่มีมูลค่ามากกว่า 1,000 บาทขึ้นไป ทางบริษัทฯ จะทำการโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ของลูกค้า ภายใน 5 วันทำการนับจากวันที่บริษัทฯ ได้ทำการตรวจสอบและยืนยันการรับคืนสินค้า

เงื่อนไขการรับประกัน

บริษัทฯ รับประกันสินค้าเป็นเวลา 1 ปี นับจากวันที่ซื้อสินค้า และมีเงื่อนไขและข้อกำหนดดังนี้

  1. ภายใต้ระยะเวลาของการรับประกัน บริษัทฯ อาจทำการซ่อมหรือเปลี่ยนสินค้าตัวใหม่ให้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัทฯ
  2. หลังจากซ่อมหรือเปลี่ยนสินค้า การนับระยะเวลารับประกันจะเริ่มนับต่อเนื่องจากที่เหลืออยู่
  3. บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการคิดค่าใช้จ่ายในการซ่อมหรือเปลี่ยนสินค้า โดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ ของบริษัทฯ
  4. สินค้าที่ส่งเคลม จำเป็นต้องทิ้งไว้เพื่อตรวจสอบความบกพร่องหรืออาการเบื้องต้นก่อน
  5. บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบต่อสินค้าที่เสียหายที่อยู่นอกข่ายการรับประกัน หรือ สินค้าที่หมดประกันแล้ว

การรับประกันที่ถือเป็นโมฆะตามเงื่อนไข

  1. สินค้าไม่มี void รับประกันของบริษัทฯ หรือไม่มีหมายเลขเครื่องสินค้า (S/N) หรือสติ๊กเกอร์ของบริษัทฯหรือหลักฐานที่แสดงว่าเป็นสินค้าของบริษัทฯ
  2. สินค้าที่เกิดความเสียหายจากการดัดแปลงแก้ไขหรือซ่อมแซม โดยบุคคลที่ไม่ได้รับมอบหมายจากบริษัทฯ การแกะ/ชำแหละ/ดัดแปลงแปลงแก้ไขโดยผู้ใช้
  3. สินค้าที่เกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุ น้ำ อาหาร ความชื้น อุณหภูมิที่สูงหรือต่ำเกินไป
  4. สินค้าที่เสียหายจากการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง เช่น การติดตั้งผิดพลาด การตกกระแทกแตกหักเสียหาย สัตว์เลี้ยงกัดแทะ ฯลฯ มีผลให้สินค้าเสียหาย เป็นต้น

นโยบายความเป็นส่วนตัว

บริษัทฯ จะพยายามอธิบายผลิตภัณฑ์ให้ถูกต้อง ตรงกับความเป็นจริงมากที่สุด อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ไม่สามารถยืนยันได้ว่าคำบรรยายผลิตภัณฑ์บนเว็บไซต์จะปราศจากข้อผิดพลาดทั้งมวล ดังนั้นหากท่านไม่พอใจในสินค้า หรือเห็นว่าไม่ตรงกับคำบรรยาย บริษัทฯ ยินดีที่จะรับคืนสินค้า (ตามเงื่อนไขการเปลี่ยน คืนสินค้า) เช่นเดียวกัน บริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะแสดงรูปภาพสินค้าที่มีสีที่ถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริง แต่สีที่แสดงบนหน้าจอของท่านอาจผิดเพี้ยนได้ตามการตั้งค่าของหน้าจอ คอมพิวเตอร์ที่แตกต่างกันไป

  1. การป้องกันการฉ้อโกง
    บริษัทฯ มีกระบวนการตรวจสอบการฉ้อโกงหรือการกระทำที่ผิดกฎหมาย บริษัทฯมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธหรือระงับคำสั่งซื้อ หากตรวจพบบัญชีที่มีประวัติการฉ้อโกง และฝ่ายบริการลูกค้าของบริษัทฯ อาจติดต่อท่านผ่านทางโทรศัพท์เพื่อให้ท่านยืนยันคำสั่งซื้อได้ บริษัทฯ อาจยกเลิกบัญชีของผู้ใช้บริการ หากตรวจพบการฉ้อโกงหรือพฤติกรรมที่ผิดกฎหมาย บริษัทฯ บังคับใช้นโยบายดังกล่าวเพื่อปกป้องผู้ใช้บริการของเรา รวมทั้งบริษัทฯ เองจากการถูกต้มตุ๋น หลอกลวง หรือการกระทำที่ผิดกฎหมาย
  2. ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ
    บริษัทฯ ยินดีรับความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากท่านเกี่ยวกับเว็บไซต์ สินค้าและบริการของบริษัทฯโดยความคิดเห็นและข้อเสนอแนะดังกล่าวจะไม่ถือเป็นความลับ และอาจถูกนำไปใช้ ดัดแปลง ทำซ้ำ และเผยแพร่ได้เพื่อจุดประสงค์ใดๆ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะไม่เชื่อมโยงชื่อนามสกุลของท่านกับความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของท่าน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากท่านก่อนเว้นแต่ในกรณีที่เป็นการขัดต่อข้อกฎหมายเท่านั้น

นโยบายการจัดส่ง

บริษัทฯ ยินดีรับเปลี่ยนหรือคืนสินค้าภายใน 14 วันหลังจากการสั่งซื้อ ตามกรณีดังต่อไปนี้

  1. ในกรณีที่ทางบริษัทฯจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าผิดจากรายละเอียดจากการยืนยันการสั่งซื้อครั้งล่าสุดจากทางบริษัท ทางบริษัทฯ ยินดีที่จะรับเปลี่ยนและจัดส่งสินค้าที่ถูกต้อง ให้กับลูกค้าใหม่ภายใน วันทำการ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ
  2. ในกรณีที่มีปัญหาจากตัวสินค้าชำรุดเสียหายเนื่องจากการผลิต หรือสินค้าเกิดความเสียหายเนื่องจากการขนส่งจากทางบริษัท ทางบริษัทฯยินดีที่จะรับเปลี่ยนและจัดส่งสินค้าที่ถูกต้อง ให้กับลูกค้าใหม่ภายใน วันทำการ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ