หน้าแรก
สินค้า
แชทไลน์

banner

กระเบื้องยาง ข้อเสีย ข้อดี มีอะไรบ้าง ? มีกี่ประเภท ให้เลือกใช้งาน?

กระเบื้องยาง ข้อเสีย ข้อดี คือ อะไร ? ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับกระเบื้องยางกันก่อน ซึ่งกระเบื้องยาง คือ วัสดุปูพื้นอีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมในยุคปัจจุบัน ผลิตจากโพลิเมอร์ อย่างโพลียูรีเทนและพีวีซี มีคุณสมบัติยืดหยุ่นสูง รองรับแรงกระแทกหรือแรงกดทับได้ดีเยี่ยม การมีชั้นผิวปกป้องสูงถึง 5 ชั้น โดยเฉพาะผิวหน้ากระเบื้องชั้นที่ 4 ซึ่งเป็นฟิล์มป้องกันรอยขีดข่วนช่วยรักษาลวดลายให้ยังคงสวยงามเหมือนใหม่อยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยีนาโนซิลเวอร์ช่วยป้องกันการเกิดเชื้อรา ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และยังเป็นวัสดุปูพื้นชนิดไม่ลามไฟอีกด้วย ส่วนใหญ่กระเบื้องยางได้รับความนิยมในการนำไปปู พื้นบ้าน คอนโด ร้านอาหาร อาคาร จะนิยมใช้เป็นกระเบื้องยางแบบแผ่น ต่างจากกระเบื้องยางแบบม้วนที่จะนิยมไปปู อาคาร สำนักงาน โรงเรียน โรงพยาบาล โรงยิม หรือบริเวณที่มีพื้นที่กว้าง ๆ แทน หรือต้องการปูพื้นที่มีรอยต่อกระเบื้องน้อย ๆ

 

ส่วนประกอบของ กระเบื้องยาง คือ อะไรบ้าง ?

กระเบื้องยางจะมี wear layer หรือ ชั้นผิวอยู่ 5 ชั้นด้วยกันเป็นส่วนประกอบหลัก ทั้งคงรูปและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดกับกระเบื้องยาง ชั้นผิวทั้ง 5 ชั้นต่างก็ทำหน้าที่แตกต่างกัน มาดูพร้อมกันเลยว่าแต่ละส่วนมีหน้าที่อะไรบ้าง

UV Coating : ชั้นแรกหรือชั้นนอกสุด ชั้นนี้เป็นชั้นผิวที่เราสัมผัสโดนเป็นชั้นที่ต้องโดนทั้งแดด ดั้งนั้นจึงต้องมีการเคลือบ สารยูวี เพื่อเพิ่มความคงทนของผิวพื้นนั่นเอง
Wear Layer : เป็นชั้นเดียวกับชั้นแรก ซึ่งมักจะโดนรอยขีดข่วนได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นการวางพื้นโต๊ะ การลากโต๊ะเป็นต้น ดั้งนั้นจึงมีชั้นนี้ขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้พื้นกระเบื้องไวนิลของเราสึกนั่นเอง
Print Color Sheet  : เป็นชั้นในส่วนของสีหรือลวดลายต่างๆ อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าว่าต้องการลายไหนทางโรงงานก็จะผลิตออกมา แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีแบบมาให้เลือก ไม่สามารถออกแบบลายเองได้
Balance Laye : ชั้นที่สี่ ถือว่าได้ว่าเป็นชั้นที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะถ้าหากใช้วัสดุไม่ดีก็จะได้ให้เสียหายได้ง่าย แต่สำหรับสินค้าของเราผลิตจาก วัสดุอย่างดี นั่นก็คือ พีวีซีบริสุทธิ์ ที่ทำให้ กระเบืองของเราไม่หด ไม่ขยายตัว และทนต่อการแตกง่ายนั่นเอง
Base Layer : ชั้นสุดท้ายเป็นชั้นที่เกาะติดยึดกับพื้นที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้หยึดติดกับพื้นได้เป็นอย่างดี ระหว่างกาว กับพื้นผิวบ้านก่อนติดตั้งนั่นเอง

กระเบื้องยาง มีกี่ประเภท

ด้วยเทคโนโลยีและกระบวนการพัฒนาจากฝั่งผู้ผลิต เพื่อให้กระเบื้องยางเป็นวัสดุทดแทน ไม้ หิน และวัสดุปูพื้นประเภทอื่น ๆ โดยตั้งใจพัฒนาให้มีความสมจริงทั้งตัวลวดลายและผิวสัมผัส แก้ไขปัญหาที่วัสดุจริงไม่สามารถตอบโจทย์ใช้งานของผู้บริโภคได้ ทำให้ทุกวันนี้กระเบื้องยางมีด้วยกันหลากหลายประเภท ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่จะเรียกตามวัสดุที่ใช้ในการผลิต ตามการใช้งาน และตามลวดลายของกระเบื้องยาง

แบ่งตามวัสดุที่ใช้ในการผลิต

  1. กระเบื้องไวนิล LVT (Luxury Vinyl Tile) กระเบื้องยางที่ผลิตจากพลาสติก 100 % มี Wear layer ชั้นบนหนาประมาณ 0.12-0.7 มม. ผิวสัมผัสกระเบื้องอ่อนโยน ไม่แข็งกระด้าง เดินสบายเท้า ยืดหยุ่นสูง ทำให้กระเบื้อง LVT รับน้ำหนักได้ดี
  2. กระเบื้องไวนิล SPC (Stone Plastic Composite) เป็นกระเบื้องที่มีส่วนผสมของหินและพลาสติก ทำให้กระเบื้องประเภทนี้ทนต่อรอยขีดข่วนได้ดี ผิวหน้ากระเบื้องเป็นรอยยาก ด้วย Wear layer ที่หนาถึง 0.3-0.55 มม. เป็นกระเบื้องยางที่ใช้งานในพื้นที่เปียกชื้นได้ดีที่สุด

แบ่งตามการใช้งาน

  1. กระเบื้องยาง ปูกาว ยังจำแนกได้อีก 2 ประเภท คือประเภทที่มีกาวในตัวมาพร้อมตัวกระเบื้องยาง ติดตั้งคล้ายสติ๊กเกอร์ลอกฟิล์มออกนำไปแปะลงบนพื้นหรือผนังได้เลย ส่วนอีกประเภทคือ แบบกาวแยก หากเลือกใช้กาวที่ดีมีประสิทธิภาพในการติดตั้ง การยึดเกาะของเนื้อกาวและกระเบื้องยางก็จะสูงตามไปด้วย การติดตั้งกระเบื้องยางปูกาวส่วนใหญ่จะปูจากด้านในออกมาด้านนอก โดยเว้นระยะขอบผนังเผื่อการยืดหดของกระเบื้อง ซึ่งสามารถใช้บัวปิดขอบผนังเก็บรายละเอียดให้สวยงามได้
  2. กระเบื้องยาง คลิกล็อค คือ กระเบื้องยางที่ติดตั้งด้วยระบบลิ้นล็อค ไม่ต้องใช้กาวในการติดตั้ง หมดปัญหาเรื่องการถูกน้ำหรือสารเคมีไม่ทำให้เนื้อกาวลดประสิทธิภาพ โดยส่วนใหญ่จะปูด้วยโฟมรองพื้นก่อนปูทับกระเบื้องยางคลิกล็อคอีกที เพื่อเป็นการป้องกันเสียงกระเบื้องกระทบพื้น กระเบื้องยางคลิกล็อคจะเริ่มต้นตั้งแต่ความหนา 4 มิลขึ้นไป
  3. กระเบื้องยางม้วน หรือ กระเบื้องยางที่ต้องใช้ลวดเชื่อมในการติดตั้ง เป็นกระเบื้องยางที่จำหน่ายเป็นม้วน 1 ม้วนปูได้ 12 ตารางเมตรขึ้นไป จุดเด่นของกระเบื้องยางประเภทนี้คือรอยต่อกระเบื้องจะน้อยกว่ากระเบื้องแผ่นทั่วไป ซึ่งรอยต่อกระเบื้องเป็นจุดที่ฝุ่นและสิ่งสกปรกเข้าไปสะสม เป็นจุดที่ยากต่อการทำความสะอาด เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหากระเบื้องกระเดิด

แบ่งตามลวดลาย

  1. กระเบื้องยาง ลายไม้ เป็นกระเบื้องที่มีลวดลายคล้ายไม้ธรรมชาติทั้งรูปลักษณ์และผิวสัมผัส ซึ่งสามารถเลือกผิวสัมผัสที่นูนหยาบเหมือนไม้จริงหรือจะเลือกเหมือนแค่เพียงรูปลักษณ์แต่มีผิวเรียบแทนก็ได้ มีความหนาตั้งแต่ 2 – 5.5 มิล
  2. กระเบื้องยาง ลายหินขัด หินอ่อน หินปูน ล้วนแล้วแต่ถูกสรรค์สร้างให้ใช้งานแทนหินจริงจากธรรมชาติทั้งสิ้น โดดเด่นด้วยน้ำหนักที่เบากว่าหินจริง ทำให้ไม่หนักโครงสร้าง แตกหักยาก และราคาที่ถูกกว่ากันหลายเท่าเลยทีเดียว มีความหนาให้เลือกตั้งแต่ 2 – 5.5 มิล
  3. กระเบื้องยาง ลายพรม เป็นกระเบื้องที่ทดแทนพรมถัก พรมทอ พรมอัดเรียบ ได้แบบหมดจด แก้ไขปัญหาเรื่องเนื้อพรมขาด ฉีก หรือหลุ่ดลุ่ยได้ง่าย กระเบื้องยางลายพรมสามารถใช้น้ำและน้ำยาทำความสะอาดเช็ดถูคราบสกปรกได้เหมือนกระเบื้องปูพื้นทั่วไป ซึ่งเป็นปัญหาที่น่าหนักสำหรับคนใช้พรมจริงปูพื้น มีความหนาให้เลือกเพียง 2 – 4 มิล
  4. กระเบื้องยางสีพื้น เป็นอีกหนึ่งประเภทของกระเบื้องยาง แต่แตกต่างแค่ตัวลวดลายที่เน้นเป็นสีพื้นเรียบหรือสีพื้นโรยลายเท่านั้น ขนาดความหนาเริ่มต้น 1.6 ถึง 3.2 มิล กระเบื้องยางสีพื้นจะมีแต่แบบทากาวเท่านั้น

กระเบื้องยาง ข้อเสีย ข้อดี คือ ?

เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ไม่ว่าอะไรก็ตามบนโลกใบนี้ย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสียด้วยกันทั้งนั้น วัสดุปูพื้นอย่าง กระเบื้องยาง ก็เช่นกัน ถึงแม้ว่า กระเบื้องยางจะมีคุณสมบัติที่ดีจนหลายคนนิยมนำมาใช้ปูพื้นบ้าน แต่ก็ยังมีข้อเสียอยู่เช่นกัน

ข้อดี

  • ทนต่อรอยขีดข่วน นี่ถือเป็นคุณสมบัติสำคัญที่ทำให้กระเบื้องยางลายไม้ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะไม่ต้องมานั่งกังวลว่าพื้นไม้ที่แสนหวงนั้นจะเป็นรอยเมื่อไหร่ ซึ่งนอกจากจะทนต่อรอยขีดข่วนแล้วยังมีพื้นผิวที่เรียบนุ่มสบายเท้าอีกด้วย
  • ลายไม้สวยคมชัด ดูเหมือนจริง กระเบื้องยางลายไม้ถูกผลิตมาเพื่อให้เหมือนธรรมชาติมากที่สุด จนบางครั้งก็แยกไม่ออกว่าเป็นไม้จริงหรือกระเบื้องยางกันแน่
  • มีความยืดหยุ่นสูง ด้วยคุณสมบัตินี้ ทำให้ กระเบื้องยาง ไม่แตกหักง่าย ใช้งานได้ยาวนานคุ้มค่าเม็ดเงินที่เสียไปอย่างแน่นอน ในขณะที่เรื่องของการซ่อมแซมก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายโดยแทบไม่ต้องง้อช่างเลยทีเดียว
  • เก็บเสียงได้ดี ปกติพื้นไม้เมื่อใช้งานไปได้ระยะหนึ่งจะเกิดเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดสร้างความรำคาญใจให้แก่เจ้าของ แต่สำหรับกระเบื้องยางลายไม้หมดปัญหาดังกล่าวไปได้เลย เนื่องจากมีคุณสมบัติเก็บเสียงได้ค่อนข้างดี จึงเหมาะเป็นตัวเลือกที่จะนำมาปูพื้นบ้านมาก
  • ทนไฟได้ดี และไม่ลามไฟ จึงช่วยลดความกังวลได้ไม่น้อย รวมถึงหากเกิดติดไฟขึ้นมาจริงๆ ก็สามารถทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย
  • สามารถซ่อมแซมได้ง่าย และไม่ทิ้งร่องรอยไว้ให้ดูต่างหน้า

ข้อเสีย

  • กระเบื้องยางลายไม้เมื่อใช้ไปนานๆ จะเกิดการหดตัวจนทำให้เห็นขอบกระเบื้องเป็นร่อง ซึ่งจะทำให้พื้นดูไม่สวยงามนั่นเอง
  • ขนาดของกระเบื้องอาจไม่เท่ากัน ซึ่งมักจะพบใน กระเบื้องยางลายไม้ที่ไม่ค่อยมีคุณภาพ ซึ่งทำให้มีปัญหาในการติดตั้งบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรมากมายสามารถแก้ไขได้อย่างง่ายๆ ด้วยเลือกซื้อ กระเบื้องยางลายไม้ที่มีคุณภาพสูง และตรวจสภาพของกระเบื้องให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ
  • กรณีที่ต้องติดตั้งในพื้นที่ที่ราบหรือมีความสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันปัญหาหลังการใช้งาน ซึ่งส่วนใหญ่จะพ่วงกับการปรับพื้น สกริมผิวหน้าเดิมให้เรียบ ถ้าพื้นเดิมผิวค่อนข้างแย่ อาจต้องเซลฟ์พื้นหรือปรับระดับพื้น
  • กระเบื้องยางไม่ทนทานต่อน้ำและสารเคมี ดังนั้นการใช้งานภายในห้องน้ำ ภายนอกอาคาร หรือ ระเบียงที่โดนน้ำหรือฝนสาดเป็นประจำ อายุการใช้งานจะน้อยลงกว่าปกติ

กระเบื้องยาง ปูภายนอก ได้ไหม

กระเบื้องยาง ปูภายนอก ได้ไหม ? ควรเลือกใช้กระเบื้องแบบไหนดี ? ลูกค้าหลายท่านบอกมาว่า “อยากจะปูกระเบื้องยางภายนอก” แต่ก็เป็นกังวลเรื่องอายุการใช้งานที่จะตามมา อาจจะเคยได้ยินคำว่า กระเบื้องยางไม่ทนแดด กระเบื้องยางไม่ทนน้ำ ไม่ทนต่อสภาพอากาศ หากติดตั้งไปก็จะเกิดการหดตัวของกาวบ้าง อะไรบ้าง กระเบื้องยางจึงถูกออกแบบมาหลายลักษณะ อย่างเช่น แบบทากาว แบบมีกาวในตัว หรือ แบบคลิกล็อค แต่ละแบบมีคุณสมบัติการใช้งานที่แตกต่างกัน บางอันเหมาะสมในงานแบบนี้ บางอันเหมาะกับแบบนี้ จึงมีการถกเถียงถึงปัญหาเกี่ยวกับการติดตั้งในงานของกระเบื้องยาง

 

กระเบื้องยาง ปูภายนอก ได้ไหม ?

ส่วนการที่จะใช้กระเบื้องยางในการปูภายนอก จะสามารถปูได้ไหม ? คำตอบบคือไม่สามารถปูได้ เพราะกระเบื้องยางส่วนผสมหลักเป็น พลาสติก PVC จะมีความอ่อนโยนมากไม่เหมาะกับการปูภายนอก ยิ่งหน้าฝนหากโดนฝนสาด ฝนกระเซนเป็นประจำ จะทำให้กระเบื้องยางหดตัวไวกว่าปกติ ยิ่งเป็นกระเบื้องยางแบบทากาวเนื้อกาวจะหลุดร่อนเร็ว ประสิทธิภาพในการยึดติดพื้นกับกระเบื้องยางจะลดลงไว เวลาที่กระเบื้องยางตากแดดเป็นเวลานานด้วยความที่เป็นพลาสติกจะกรอบและแห้งกรานไว อายุการใช้งานจะน้อยกว่าปูภายใน

แต่ถ้าหากจำเป็นต้องใช้งาน กระเบื้องยาง ภายนอก หรือ ในห้องน้ำ จริง ๆ แนะนำ กระเบื้องยางแบบคลิกล็อค ที่เป็น พื้น SPC แทนด้วยคุณสมบัติที่มีส่วนผสมของหินอยู่ในตัว เวลาที่โดนน้ำ โดนฝน อัตราการซึมผ่านผิวกระเบื้ออง SPC จะน้อยกว่ากระเบื้องยางทั่วไป การติดตั้งก็ใช้ระบบคลิ๊กล็อคแทนการทากาว ดังนั้นไม่มีผลกับการร่อนหรือหลุดลอก แต่แน่นอนว่าพื้น SPC ก็มีส่วนผสมของพลาสติกด้วยเช่นกัน ดังนั้น อายุใช้งานก็จะน้อยกว่าการใช้งานภายในบ้านแน่นอน

สำหรับเพื่อน ๆ ที่ชอบ “รักในการตกแต่งบ้าน รักในความเป็นงานไม้” อยากจะปูพื้นภายนอกบ้าง แต่ก็กลัวว่าจะไม่ทนต่อสภาพอากาศ แอดมิน แนะนำให้ใช้เป็น กระเบื้องประเภทอื่น หรือ ไม้เทียมปูพื้น ฯลฯ แทน เพราะมีคุณสมบัติที่ออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานภายนอกได้ดีกว่า ยิ่งคุณสมบัติที่ทนกับสภาพอากาศยิ่งเหมาะสมกับงานมากกว่า

 

6 วัสดุปูพื้นภายนอก ที่นิยมใช้งาน

เพื่อให้เห็นถึงคุณสมบัติการใช้งานจริง ๆ ทางเราจึงได้จัดทำการทดสอบคุณสมบัติต่าง ๆ ทั้งการทดลองใช้ไฟแช็คจุดเผาผนังสำเร็จรูปเพื่อทดสอบการติดไฟและการลามไฟจะเป็นจริงอย่างที่แอดมินได้กล่าวไว้หรือเปล่า นอกจากนี้ยังมีการทดลองทดสอบความแข็งแรงคงทนของตัวผนังและการทำความสะอาดเช็ดถูคราบสกปรกที่ฝังลึกเช่นกัน เพื่อให้เพื่อน ๆ ได้เห็นถึงคุณสมบัติผนัง MC’s Wall เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับติดตั้ง ผนังตกแต่งบ้าน

  1. พื้นไม้เทียม เป็นวัสดุปูพื้นที่ทดแทการใช้งานไม้จริง ๆ ด้วยรูปลักษณ์ ลวดลาย และผิวสัมผัสที่เสมือนไม้จริง แต่ตอบโจทย์การใช้งานที่มากกว่าเดิม ทั้งเรื่องของความแข็งแรง ทนทาน สามารถใช้งานเป็นโครงสร้างได้ดีทีเดียว การทนต่อน้ำและแสงแดดได้ดี ทำให้ในปัจจปัจจุบันมีการใช้งานไม้เทียมเพื่อปูพื้นภายนอก พื้นสระว่ายน้ำ พื้นระเบียง กันอย่างมากมาย
  2. กระเบื้องเซรามิก เป็นอีกหนึ่งทางเลือกปูพื้นภายนอกที่คนนิยมเลือกใช้งาน ด้วยราคาที่ค่อนข้างถูกและหาซื้อได้ง่ายกว่ากระเบื้องประเภทอื่น ๆ ข้อควรระวังสำหรับการใช้งานภายนอกต้องเลือกกระเบื้องเซรามิคที่มีคะแนน PEI ที่สูงหน่อย ช่วยบ่งชี้ว่ามีความแข็งแรงที่เพียงพอกับงานพื้นด้านนอก
  3. หญ้าเทียม หากชื่นชอบงานตกแต่งด้วยต้นไม้ใบหญ้า นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับงานปูพื้นภายนอกที่สะท้อนถึงความเป็นธรรมชาติได้ดีทีเดียว  ไม่ต้องกังวลเรื่องของความแข็งแกร่ง ทนทาน แบบกระเบื้องว่าจะแตกหรือหักง่ายไหม ไม่ต้องใส่ใจหรือค่อยเฝ้าดูแลรักษาเหมือนหญ้าจริง ที่ต้องมั่นรดน้ำ ตัดไม้ ตัดใบ หรือเก็บกวาดทุกวัน
  4. หินแกรนิต งานตกแต่งหินธรรมชาติที่มีความแข็งแรงทนทานค่อนข้างสูง เป็นวัสดุระดับพรีเมี่ยม สะท้อนความงาม ความเป็นธรรมชาติผ่านเนื้อหิน การดูแลรักษาก่อนเลือกใช้งานหินแกรนิตสำหรับปูพื้นภายนอก ต้องปิดร่อง หรือ ยาแนว รอยต่อ หรือ บริเวณที่เป็นร่องอย่างดี เพราะหินแกรนิตเนื้อจะค่อนข้างพรุน ต้องปิดรอยเพื่อป้องกันน้ำซึม
  5. กระเบื้องซีเมนต์ กระเบื้องคอนกรีต เป็นกระเบื้องที่ได้รับความนิยมในการใช้ปูพื้นภายนอก ด้วยผิวหน้ากระเบื้องที่ค่อนข้างหยาบและมีสีซีเมนต์ หรือ สีคอนกรีีต ทำให้เก็บฝุ่น หรือ ซ่อนฝุ่น ได้ดีกว่าวัสดุปูพื้นประเภทอื่น ๆ ช่วยให้พื้นดูสกปรกยากกว่าพื้นทั่วไป ง่ายกับการดูแลรักษา
  6. บล็อกปูพื้น เป็นวัสดุปูพื้นที่ภายนอกที่มีความแข็งแรง ทนทาน อายุใช้งานยาวนาน กว่าวัสดุประเภทอื่น ๆ บล็อกปูพื้น มีหลายรูปลักษณ์ ทำให้เทคนิคการปูพื้นสามารถปรับแต่งรูปแบบได้หลากหลาย จะปูสลับด้วยแผ่นบล็อกปูทางเท้า หรือ ปูขัดด้วยบล็อกตัวนอน หรือ ปูให้หญ้าขึ้นแทรกแสมด้วยบล็อกปูหญ้า ก็ได้เช่นกัน

 

สีไฟห้อง เคล็ดลับ วิธีเลือก แสงไฟ อย่างไรให้เหมาะสม

สีไฟห้อง เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับการใช้ชีวิตของมนุษย์ เพื่อทดแทนหรือเพิ่มเติมความสว่างจากแสงธรรมชาติ เพื่อให้การทำกิจกรรมต่าง ๆ เป็นไปอย่างสะดวกและปลอดภัย หรือเป็นการเพิ่มความสว่างให้กับมุมอันมืดทึบของบ้านทั่วไป บ้านน็อคดาวน์  นอกจากนี้ แสงไฟยังเป็นองค์ประกอบหนึ่งของการตกแต่ง รูปแบบและดีไซน์ของไฟชนิดต่าง ๆ เป็นรายละเอียดหนึ่งที่สร้างเสน่ห์ให้กับบ้าน แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ แสงไฟจะช่วยสร้างอารมณ์และบรรยากาศที่แตกต่างกันไป สามารถขับรายละเอียดของสถาปัตยกรรมให้โดดเด่น เน้นความสวยงามของของตกแต่งหรือรูปภาพให้เด่นขึ้น การออกแบบแสงไฟจึงเป็นสิ่งหนึ่งที่เป็นสไตล์ และความน่าสนใจของงานตกแต่งเช่นกัน

 

โทนสีไฟ ที่นิยมนำมาแทนส่วนใหญ่มีทั้งหมด 3 ประเภท

  1. Warm White : แสงวอร์มไวท์ จะให้แสงสีเหลืองนวล สีโทนอุ่น ไม่เข้มจัดและสว่างมากนัก เป็นแสงที่สบายตา ผ่อนคลาย โรแมนติก เป็นแสงที่ใช้สร้างบรรยากาศมากที่สุด                                                                           
  2. Cool White : แสงคูลไวท์ เป็นแสงที่ให้สีขาวนวลแต่ไม่จัด มีความสว่างมากกว่าแสงวอร์มไวท์ เรียกได้ว่าเป็นแสงกลางๆ ที่สามารถนำมาใช้ได้กับหลายพื้นที่ ทำให้มองเห็นสิ่งรอบตัวได้ชัดเจนมากขึ้น                              
  3. Daylight : แสงเดย์ไลท์ เป็นแสงสีขาวโทนฟ้า ให้ความสว่างชัดเจน ทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ดี และเป็นแสงที่ช่วยให้รู้สึกตื่นตัวอีกด้วย

 

เลือก สีไฟห้อง อย่างไรให้เข้ากับบ้านของเรา

  1. แสงไฟหน้าบ้านและประตูทางเข้า : บริเวณหน้าบ้านและบริเวณประตูทางเข้าถือเป็นจุดแรกของบ้านที่สามารถสร้างความประทับใจให้ทั้งกับคนอยู่เองและแขกที่มาเยือน ดังนั้น การใช้แสงไฟเสริมบรรยากาศ จะทำให้บ้านน่าอยู่และเพิ่มเสน่ห์ให้กับตัวบ้านมากยิ่งขึ้น
  2. แสงไฟห้องนั่งเล่น : ห้องนั่งเล่นเป็นพื้นที่ที่ใช้ทำกิจกรรม พักผ่อน และรับแขกซึ่งถือเป็นพื้นที่ส่วนกลางของบ้านที่ใช้สอยแบบอเนกประสงค์ แสงไฟที่ใช้จึงควรปรับเปลี่ยนได้หลากหลายตามความต้องการของผู้ใช้งาน และกิจกรรมนั้นๆ
  3. แสงไฟห้องนอน : ห้องนอนเป็นพื้นที่แห่งการพักผ่อนในยามนอนหลับ เป็นพื้นที่ที่เราใช้ผ่อนคลายจากสิ่งต่างๆ ถือเป็นห้องที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุดห้องหนึ่งในบ้าน ดังนั้น การสร้างบรรยากาศห้องนอนให้มีความสงบ อบอุ่น พร้อมแก่การนอนหลับจึงเป็นสิ่งที่เราต้องให้สำคัญ
  4. แสงไฟห้องน้ำ : โดยปกติการออกแบบห้องน้ำ จะต้องมีช่องสำหรับระบายอากาศและเพื่อให้แสงธรรมชาติในเวลากลางวันเข้ามาสู่ตัวห้องน้ำเพื่อลดความอับชื้นอยู่แล้ว แต่สาวๆ หรือหนุ่มๆ หลายคนอาจจะใช้พื้นที่ห้องน้ำเป็นพื้นที่แต่งหน้า ทาครีม โกนหนวดด้วย ดังนั้น แสงไฟที่ใช้ควรให้โทนสีของแสงมีความชัดเจน ถูกต้อง
  5. แสงไฟห้องครัว : โดยปกติการออกแบบห้องครัวจะมีหน้าต่างเพื่อระบายอากาศและให้แสงธรรมชาติเข้ามาเพื่อลดความอับชื้นและช่วยฆ่าเชื้อโรคเช่นเดียวกับห้องน้ำอยู่แล้ว แต่จะต่างตรงที่ห้องครัวสามารถออกแบบให้ช่องแสงหรือหน้าต่างใหญ่กว่าห้องน้ำ ดังนั้น ในเวลากลางวันเราอาจจะไม่ต้องเปิดไฟเลยก็ได้ ส่วนในเวลากลางคืนที่ต้องการความชัดเจนของแสงก็สามารถเลือกใช้ได้ทั้งแสง Daylight และ Cool White
  6. แสงไฟห้องทำงาน : เชื่อว่าหลายๆ บ้านในปัจจุบัน ต้องมีการจัดสรรให้มีห้องทำงานภายในบ้านอย่างแน่นอน เนื่องจากการต้อง Work From Home หรือทำงานที่บ้านมากขึ้น ซึ่งห้องทำงานนอกจากใช้ทำงานแล้ว บางคนยังใช้สำหรับการประชุมออนไลน์อีกด้วย ดังนั้น ห้องทำงานก็เป็นอีกห้องที่ต้องสร้างบรรยากาศให้สวยดูดี มีความสงบ เพื่อให้มีสมาธิ พร้อมสำหรับทั้งการทำงานและการประชุม

นอกจากรายละเอียดการออกแบบภายในและภายนอกบ้านแล้ว การเลือกแสงไฟให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ภายในบ้านก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะแสงไฟสามารถสร้างบรรยากาศ อารมณ์และความรู้สึกที่ดีให้กับบ้านได้ ซึ่งการเลือกแสงไฟให้เหมาะกับบ้านก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด และทั้งหมดนี้ก็เป็นแนวทางในการเลือกใช้แสงไฟให้ถูกลักษณะภายในบ้านหรือบริเวณบ้าน เพื่อเพิ่มความสว่างและความสวยงามให้กับภายในบ้าน ทำให้เกิดความน่าอยู่ให้กับบ้านหากเลือกใช้ไฟที่เหมาะสม

วิธี ซ่อมยาแนวกระเบื้อง ห้องน้ำ ที่เก่าแล้วด้วยตัวเอง

ซ่อมยาแนวกระเบื้อง ที่เก่าแล้วทำอย่างไร ?  สามารถทำเองได้ไหม ? เชื่อว่าหลายคนคงเคยประสบปัญหาห้องน้ำรั่วซึม มีเชื้อรา หรือตะไคร่น้ำ แน่ ๆ ซึ่งปัญหาเหล่านี้เกิดได้กับทั้ง ห้องน้ำ น็อคดาวน์ ห้องน้ำ สำเร็จรูป ห้องน้ำก่ออิฐฉาบปูน สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากยาแนวกระเบื้องที่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน หรือในบางครั้งเกิดจากตัวยาแนวถูกสารเคมีที่มีฤทธิ์เป็นกรดกัดกร่อน ทำให้ยาแนวไม่เต็มร่องกระเบื้องและส่งผลให้น้ำรั่วซึมในที่สุด สำหรับการแก้ไขปัญหาห้องน้ำรั่วซึมสามารถแก้ด้วยการยาแนวพื้นกระเบื้องใหม่เท่านั้น ซึ่งการยาแนวห้องน้ำไม่ได้ยากเย็นหรือต้องจ้างช่างเสมอไป ใคร ๆ ก็สามารถทำเองได้ง่าย ๆ ใช้งบประมาณในการทำไม่เกิน 50 บาท สำหรับขั้นตอนและอุปกรณ์ในการยาวแนวนั้นจะมีอะไรบ้างมาดูกันพร้อมกันเลย บอกเลยว่าดูจบสามารถเนรมิตให้ยาแนวเก่า ๆ กลับมาใหม่ได้ในทันที

 

 

อุปกรณ์ที่ต้องใช้สำหรับ ซ่อมยาแนวกระเบื้อง

    1. กาวยาแนว
    2. ฟองน้ำ
    3. ผ้า สำหรับเช็ดถู
    4. แก้วน้ำ
    5. แปรงสีฟัน
    6. มีดคัตเตอร์

วิธี ซ่อมยาแนวกระเบื้อง ห้องน้ำ ที่เก่าแล้วด้วยตัวเอง

วิธียาแนวกระเบื้อง ห้องน้ำ เก่า

  1. ขั้นตอนแรก ผสมน้ำกับยาวแนว อัตราส่วน 1 : 2.5วิธี ซ่อมยาแนวกระเบื้อง ห้องน้ำ ที่เก่าแล้วด้วยตัวเอง 1
  1. ขั้นตอนที่สอง ใช้มีดคัสเตอร์ขูดยาแนวเก่าออกให้หมดวิธี ซ่อมยาแนวกระเบื้อง ห้องน้ำ ที่เก่าแล้วด้วยตัวเอง 2
  1. ขั้นตอนที่สาม ปาดยาแนวให้เต็มร่องกระเบื้อง

วิธี ซ่อมยาแนวกระเบื้อง ห้องน้ำ ที่เก่าแล้วด้วยตัวเอง 3

  1. ขั้นตอนที่สี่ ใช้ฟองน้ำชุบน้ำเช็ดคราบยาแนวส่วนเกินที่เลอะพื้นกระเบื้องออก ทิ้งไว้ 2 ชั่วโมง

วิธี ซ่อมยาแนวกระเบื้อง ห้องน้ำ ที่เก่าแล้วด้วยตัวเอง 4

  1. ขั้นตอนที่ห้า หลังจาก 2 ชั่วโมงเช็ดคราบบนพื้นด้วยผ้าอีกที ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง

วิธี ซ่อมยาแนวกระเบื้อง ห้องน้ำ ที่เก่าแล้วด้วยตัวเอง 5

  1. ขั้นตอนที่หก หลังทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง พร้อมใช้งานได้เหมือนปกติ

วิธี ซ่อมยาแนวกระเบื้อง ห้องน้ำ ที่เก่าแล้วด้วยตัวเอง 6

4 เหตุผลที่ควร ไล่นกพิราบ ออกจากหลังคาบ้าน

ไล่นกพิราบ 4 เหตุผลที่นกพิราบและคนไม่ควรอยู่ร่วมกัน ? เชื่อว่าหลายคนต้องประสบปัญหาเหล่านกพิราบหรือนกทั้งน้อยใหญ่ เข้ามาทำรังอยู่ใต้หลังคาหรือตามชายคาบ้านกันแน่ ๆ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ล้วนแล้วแต่สร้างความรำคาญใจให้เจ้าของบ้านไม่น้อยเลยทีเดียว แม้เหล่านกจะจากไปแต่ปัญหาก็ถูกทิ้งไว้อย่างแน่นอน ซึ่งสร้างปัญหาต้องเสียเวลาทำความสะอาดมูลนก ทำความสะอาดรังนก หรืออาจต้องซ่อมแซมในส่วนบ้านที่เสียหายจากการเข้าอาศัยของเหล่านกพวกนี้ การป้องกันนกไม่ให้เข้าทำรังก็มีด้วยกันหลายวิธีเช่น ใช้ ไม้ปิดกันนก ปิดบริเวณชายหลังคา, ติดตะแกรง, ติดตาข่าย, แขวนกระดิ่งหรือโมบาย เป็นต้น ซึ่งเหตุผลที่ต้องป้องกันเหล่านกไม่ให้เข้ามาทำรังตามอำเภอใจ โดยเฉพาะพิราบนั้นไม่เพียงแต่สร้างปัญหาจุกจิกเท่านั้น ยังมีปัญหาอื่น ๆ ตามมาอีกมากมายเช่นกัน

 

4 เหตุผลที่ควร ไล่นกพิราบ

  1. สร้างความรำควาญให้กับเจ้าของบ้าน อย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น เหล่านกน้อยใหญ่ที่เข้ามาทำรังไม่ได้มาอยู่อาศัยเพียง 1 – 2 ตัว และไม่ได้อยู่กันแบบฉันท์มิตร อาจมีการส่งเสียงร้องตลอดเวลา คาบเศษกิ่งไม้ คาบอาหาร บินวนไปมารอบตัวบ้านสร้างความรำคาญทั้งสภาวะทางเสียงและสายตาให้แก่เจ้าของบ้าน เป็นปัญหาจุกจิกที่สร้างความรำคายไม่น้อยเลยทีเดียว
  1. สร้างความสกปรก อีกหนึ่งปัญหาที่นกหรือสัตว์ที่อาศัยอยู่ภายใต้หลังคาบ้าน หรือชายคาบ้าน มักมาพร้อมกับความสกปรก ทั้งการนำเศษไม้มาทำรังและการวางไข่เพื่อขยายพันธ์ ตลอดจนการปล่อยมูลหรือของเสียตามอำเภอใจ ส่งผลเสียต่อกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์และยังยากต่อการหาตำแหน่งเพื่อทำความสะอาดอีกด้วย
  2. ขยายพันธ์ได้อย่างรวดเร็ว การป้องกันไม่ให้นกน้อยเข้าทำรังแต่เนิ่น ๆ นับว่าเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด ถ้าหากนกพิราบได้ทำรังเรียบร้อยแล้ว มักมีโอกาสแพร์พันธ์ได้อย่างรวดเร็ว โดยปกติทั่วไปนกพิราบจะทำการวางไข่ 1-2 ฟองต่อครั้ง และใช้ระยะเวลาฟักจากไข่เป็นตัวอ่อนเพียง 3 สัปดาห์ถึง 1 เดือนเท่านั้น เรียกได้ว่าใช้ระยะเวลาสั้นมาก ๆ ในการแพร่พันธุ์
  3. พาหะนำโรค อีก 1 สาเหตุที่ไม่ควรให้นกพิราบอยู่ใกล้กับที่อยู่อาศัย เพราะมูลนกพิราบมีเชื้อโรคมากกว่า 60 ชนิด และที่สำคัญยังเป็นพาหะของโรคไข้หวัดนกอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีโรคซิตตาโคซิส , โรคคริปโตคอกโคสิส , โรคฮิสโตพลาสโมซิส ซึ่งเป็นโรคหลัก ๆ ที่มักเกิดจากนกพิราบนั้นเอง

 

นกพิราบ นับว่าเป็นปัญหาที่สร้างความรำคาญใจไม่น้อย การแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดคือการป้องกันตั้งแต่เริ่ม จึงควรไล่ให้พ้นจากที่พักอาศัยไม่ให้มาทำรังหรือบินมาเกาะอาศัยอยุ่ภายในบ้าน หรือปิดช่องใต้หลังคา ชายคา ติดตาข่าย หมั่นกำจัดรังนก เพื่อให้บ้านปลอดภัยจากบรรดาเหล่านกพิราบพวกนี้

แบบ ออฟฟิศน็อคดาวน์ 2 ชั้น ไอเดียการประยุกต์ใช้งาน

แบบ ออฟฟิศน็อคดาวน์ 2 ชั้น นับว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการนำไปประกอบธุรกิจทำ สำนักงาน หรือ ห้องพักสำหรับนั่งทำงาน ที่ติดปัญหาเรื่องพื้นที่มีจำกัด แต่อยากได้ผลสัมฤทธิ์ ได้งาน หรือ รองรับผู้คนเพิ่มเป็น 2 เท่า การใช้งานแบบ 2 ชั้นก็ตอบโจทย์การใช้งานทีเดียว ใช้พื้นที่ติดตั้งแค่ชั้นล่างเท่านั้นแต่พื้นที่การใช้งานจริง ๆ x 2 เลยทีเดียว นอกจากนี้ ออฟฟิศ สำเร็จรูป ยังมีจุดเด่นในเรื่องค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าการก่อสร้างออฟฟิศทั่วไปหลายเท่า และมีระยะเวลาในการก่อสร้างที่รวดเร็วใช้เวลาเพียง 15 – 30 วัน ก็สามารถมีห้องนั่งทำงานได้แล้ว วันนี้เราจะมาดูแบบออฟฟิศน็อคดาวน์กัน แต่จะเป็นออฟฟิศน็อคดาวน์แบบ 2 ชั้นแทน นับว่าเป็นอีกหนึ่งไอเดียในการทำออฟฟิศสำหรับคนที่มีพื้นที่จำกัด คุณสามารถประยุกต์ให้ชั้น 2 เป็นห้องดินเนอร์ดูดาวสำหรับทำร้านอาหารก็ได้ด้วย หรือทำชั้น 2 เป็นห้องพักพนักงงานก็ได้เช่นกัน

 

แบบ ออฟฟิศน็อคดาวน์ 2 ชั้น แตกต่างกับ ชั้นเดียวอย่างไร

ออฟฟิศ 2 ชั้น วัสดุที่ใช้ในการผลิตจะแตกต่างไม่เหมือนกับออฟฟิศชั้นเดียว โดยรวมแล้วจะเน้นโครงสร้างที่แข็งแรงมากกว่าแบบออฟฟิศชั้นเดียว เริ่มที่ตัวโครงสร้างเหล็กทั้งชั้นล่างและชั้นบนจะต้องใช้เหล็กที่เบอร์หนากว่าเดิม เพื่อรับน้ำหนักออฟฟิศทั้ง 2 ชั้น ไม่เพียงแต่เบอร์เหล็กที่ต้องหนาขึ้นเท่านั้น โครงสร้างด้านล่างจะต้องแข็งแรงและแน่นเป็นพิเศษ โดยโครงสร้างพื้นชั้นล่างจะถักเหล็กให้ถี่กว่าปกติและมีการเสริมคานที่ออฟฟิศชั้นล่าง เพื่อพยุงและรองรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจากด้านบนนั้นเอง เดี่ยวเราไปดูไอเดียการใช้งานกันเลยดีกว่า จะมีแบบไหนบ้าง เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับใครที่กำลังหาข้อมูลก่อสร้าง ออฟฟิศ สำนักงาน แบบ 2 ชั้น

  1. ออฟฟิศ 2 ชั้น แบบเพิ่มพื้นที่การทำงาน ชั้นล่าง 3 ตู้ส่วนชั้นบน 2 ตู้  มีการเสริมบันไดเป็นทางขึ้นชั้น 2 ที่ด้านหลังแทน

  1. ออฟฟิศ 2 ชั้นสไตล์โมเดิร์น เน้นงานกระจกที่ดูหรูหราและมองวิวจากภายในได้ ชั้นล่างเป็นทางเดินสำหรับเข้าสำนักงาน

  1. ออฟฟิศ 2 ชั้น แบบเน้นงานระเบียงและดาดฟ้า โดยเสริมคานที่ชั้นล่างเพื่อรับน้ำหนักและรอบรับการใช้งานให้สามารถใช้พื้นที่ของระเบียงได้

  1. ออฟฟิศ 2 ชั้น สำหรับทำเป็น ห้องนอน ห้องพัก สำหรับพนักงาน โดยชั้น 2 จะมีพื้นที่น้อยกว่าชั้นล่าง เพื่อให้ใช้งานส่วนหลังคาชั้นล่างเป็นทางเดินเข้าห้องพักชั้น 2 แทนการเสริมบันได้และระเบียงเหล็กขึ้นมาใหม่

  1. ออฟฟิศ 2 ชั้น ด้านบนและด้านล่างใช้งานเป็นห้องพักแยกเป็นห้อง ๆ มีการเสริมบันไดและทางเดินขึ้นเพื่อใช้เข้าไปใช้งานห้องพักที่อยู่บน ชั้น 2 และมีระเบียงไว้นั่งเล่นเป็น TOP VIEW พร้อมทั้งหลังคากันฝนอีกด้วย

  1. ออฟฟิศ 2 ชั้น แบบใช้งานเต็มพื้นที่ ชั้นล่างเป็นออฟฟิศ 2 ตู้ติด เพื่อเพิ่มพื้นที่การทำงานให้เป็นยูนิตเดียวกัน ส่วนด้านบนเป็นออฟฟิศ 1 ตู้ สำหรับนั่งทำงานแบบส่วนตัวและมีระเบียงที่ใช้ชั้นล่างเป็นฐาน เพื่อให้สามารถใช้งานเดินไปมาหรือเอาเก้าอี้โต๊ะไปนั่งทำงานด้านนอกเปลี่ยนบรรยากาศก็ได้เช่นกัน

แบบ ออฟฟิศน็อคาวน์ ออฟฟิศ 2 ชั้น มีระเบียง ขนาด 6x6 สูง 4.8 เมตร

  1. ร้านค้าสำเร็จรูป 2 ชั้น ไม่เพียงแต่ใช้งานเป็นออฟฟิศอย่างเดียวเท่านั้น พ่อค้า แม่ค้า สามารถประยุกต์ใช้งานเป็น ร้าน 2 ชั้น ก็ได้เช่นกัน แค่การเสริมโครงสร้างเพื่อรองรับการใช้งานชั้นบน ก็สามารถรองรับลูกค้าได้เป็น 2 เท่า เพิ่มรายรับและกำไรได้มากกว่าเดิม และยังเป็น top view สำหรับเสพบรรยากาศด้านบนเพื่อเพิ่มอรรถรถให้แก่ผู้ใช้งานอีกด้วย

 

นี้ก็เป็นเพียงไอเดีย การใช้งาน ออฟฟิศ น็อคดาวน์ 2 ชั้นเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ใครที่กำลังสนใจหรือกำลังหาข้อมูล โดยเฉพาะสำหรับ ผู้ประกอบการรายใหม่ที่มีพื้นที่ที่จำกัด แต่อยากได้งาน หรือ ต้องรองรับพนักงานที่มากขึ้น และไม่อยากลงทุนสูง การใช้งานออฟฟิศสำเร็จรูป 2 ชั้นก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือก เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ช่วยให้ท่านนำไปคิดพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกใช้งาน ออฟฟิศ สำนักงาน ได้ถูกต้องเหมาะสมและตอบโจทย์ของท่านมากที่สุด

เชิงชาย คือ ส่วนไหน และแตกต่างจาก ชายคา อย่างไร

เชิงชาย คือ ? ชายคา คือ ? ทั้ง 2 อย่างคือส่วนเดียวกันหรือไหม ? แตกต่างกันอย่างไร ? สำหรับคนที่ไม่มีความรู้เรื่องบ้าน เชื่อว่าหลายคนต้องงุนงงคิดว่า 2 ส่วนประกอบของบ้านอย่าง เชิงชาย และ ชายคาบ้าน เป็นส่วนประกอบเดียวกันแน่ ๆ วันนี้แอดมินจะมาอธิบายว่าทั้ง 2 นั้น คืออะไร ต่างกันอย่างไร มีประโยชน์กับการใช้งานอย่างไร ? เพื่อให้คนที่ไม่ทราบได้เข้าใจเจ้าวัสดุตกแต่งบ้านทั้ง 2 อย่างเพื่อเป็นความรู้ หากวันนึงต้องตกแต่งหรือซ่อมแซมจะได้เลือกซื้อสินค้ามาซ่อมแซมให้ถูกต้อง มาทำความรู้จักวัสดุทั้ง 2 อย่างกันเลย

เชิงชาย คือ อะไร

ไม้เชิงชาย เป็นวัสดุตกแต่งและโครงสร้างโดยเฉพาะ ใช้ปิดในส่วนปลายหลังคา เพื่อจบงาน เก็บความเรียบร้อยให้บ้านดูสวยงาม อีกหนึ่งเหตุผลที่ต้องใช้เชิงชายปิดหลังคา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรู ร่อง ซึ่งเป็นทางเข้าของสัตว์เล็ก ๆ จำพวก นก หนู ไปทำรังเป็นที่พักอาศัยบริเวณใต้หลังคาอีกด้วย และยังใช้ปิดปลายจันทันเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายเช่นกัน นอกจากนี้ เชิงชาย ยังเป็นโครงสร้างที่ใช้ยึดติดรางน้ำฝนอีกด้วย

ไม้เชิงชาย scg สีรองพื้น เชิงชาย คือ วัสดุปิดปั้นลม เก็บงานหลังคา

ความแตกต่างของ 2 ส่วนนี้ คือ ตัวเชิงชายมีลักษณะยื่นลงมาด้านยึดติดปิดแผ่นหลังคา ส่วนชายคาบ้านมีลักษณะยื่นออกไปด้านข้างตัวบ้านประมาณ 1–1.5 เมตร เป็นส่วนที่ให้ร่มเงากับอาคาร บ้านเรือน นิยมใช้แผ่นฝ้าที่มีร่องระบายอากาศเพื่อให้อุณหภูมิไม่ร้อน ไม่สะสมอยู่ภายใต้หลังคา ให้อากาศสามารถถ่ายเทได้ตลอดเวลา ลดความร้อนที่เข้าสู่ตัวบ้าน

ด้วยความที่ 2 วัสดุนี้อยู่แทบจะอยู่ที่เดียวกันเลยทำให้หลายคนอาจสับสนกันไปบ้าง แอด มินหวังว่า ทุกคนคงพอเห็นภาพกันแล้วเนาะ วัสดุทั้ง 2 อย่างนั้นค่อนข้างแตกต่างกันมากเลยทีเดียว แถมคุณประโชยน์การใช้งานก็ต่างกันมากๆ อีกด้วย

พื้น ไม้เทียม คืออะไร ? มีกี่ประเภท ? เลือกใช้แบบไหนดี ?

พื้น ไม้เทียม หรือ ไม้พื้นสังเคราะห์ ในปัจจุบันมีการพัฒนาให้มีความคล้ายไม้ธรรมชาติ ทั้งโทนสี ลวดลาย รูปลักษณ์ แต่เดิมงานตกแต่งปูพื้นที่ต้องการความเรียบง่าย ร่มรื่น จะเลือกใช้งาน ไม้พื้น ซึ่งเป็นวัสดุธรรมชาติที่ใช้ในการตกแต่งพื้นบ้านและอาคารที่ได้รับความนิยมมาช้านาน โดยจุดเด่นของการเลือกใช้งานวัสดุประเภทไม้ เพื่อแสดงออกถึงความเป็นธรรมชาติผ่านโทนสี ลวดลาย texture ของงานไม้ และเป็นวัสดุที่สามารถปลูกทดแทนได้ แต่ด้วยปัญหาการใช้งานบางส่วนที่ไม่ตอบโจทย์ ทั้งเรื่องอายุการใช้งาน การซ่อมแซมดูแลรักษา ปัญหาแมลงศัตรูไม้อย่างปลวกหรือมอด ทำให้ทุกวันนี้ผู้ออกแบบ ผู้ตกแต่ง หรือ ผู้รับเหมาเองจะเลือกแนะนำ พื้นไม้สังเคราะห์ ให้กับเจ้าของบ้าน ซึ่งวัสดุหลักเป็นผงไม้ ผสมกับพลาสติก หรือบางส่วนผสมกับปูน ทำให้ตอบโจทย์ปัญหาที่กล่าวมาข้างต้นได้ดีกว่า ซึ่ง พื้นไม้สังเคราะห์ มีให้เลือกด้วยกันหลายประเภทด้วยกัน

พื้น ไม้เทียม มีกี่ประเภท ?

ไม้พื้นสังเคราะห์ ที่นิยมใช้งานในปัจจุบัน หลัก ๆ มีด้วยกัน 2 ประเภท ซึ่งแต่ละประเภทใช้วัสดุในกระบวนการผลิตแตกต่างกันทำให้คุณสมบัติแตกต่างกัน แต่รูปลักษณ์ เท็กเจอร์ ลวดลายของไม้แสดงออกถึงความเป็นธรรมชาติ ความร่มรื่น ไม่ต่างจากไม้จริงเลยที่เดียว นอกจากนี้ลวดลายและเท็กเจอร์ของไม้พื้นเทียมยังทำให้ทุกครั้งที่เท้าได้สัมผัสลงบนพื้น จะเกิดแรงต้าน ไม่ทำให้ลื่นหรือล้มง่ายเหมือนวัสดุปูพื้นหน้าเรียบอีกด้วย

1.  พื้น ไม้เทียม WPC

ไม้พื้น WPC ย่อมามาก “Wood Plastic Composite”  วัสดุที่ใช้ในการผลิตจะใช้ผงไม้ + โพลิเมอร์พลาสติกเป็นส่วนผสมหลัก ซึ่งพลาสติกชนิดนี้เป็นการทำมาจากวัสดุที่ผ่านกระบวนการรีไซเคิล เช่น ขวดน้ำพลาสสติก แก้วน้ำ แผ่นซีดี เป็นการช่วยลดทรัพยากรต้นไม้ และเป็นการนำขยะที่ไม่ใช้แล้วกลับมาใช้งานใหม่ ทำให้ได้วัสดุที่มีน้ำหนักเบา มีความเหนียว แข็งแรง ทนทาน รับน้ำหนักได้มาก ใช้ในงานโครงสร้างได้ดี มีคุณสมบัติ กันปลวกและแมลงศัตรูพืช ไม่ลามไฟ สีเดียวกันทั้งไม้หากเกิดรอยถลอกไม่ต้องใช้สีแต้มให้ใช้กระดาษทรายขัด อัตราการทนชื้นได้มากน้อยขึ้นอยู่กับวัสดุหลักที่ใช้ผลิตเป็นผงไม้หรือพลาสติกมากกว่ากัน

  • สำหรับ ไม้พื้นเทียม ปูพื้น แทบทุกประเภททุกยี่ห้อ ล้วนแล้วแต่จำแนกออกตามการใช้งานและรูปแบบของหน้าตัดทั้งสิ้น ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 แบบด้วยกัน ซึ่งทั้ง 3 แบบก็มีความแข็งแรง ทนทาน คุณสมบัติและราคาที่แตกต่างกันไป นอกจากนี้หน้าตัดที่แตกต่างกันก็เหมาะกับงานตกแต่ง งานออกแบบ ที่ต่างกันไปเช่นกัน
    1. พื้นไม้เทียมแบบตัน ลักษณะพื้นไม้ประเภทนี้จะมีความแข็งแรง ทนทาน รับน้ำหนักได้สูงกว่าไม้แบบอื่น เนื่องจากเป็นไม้ที่มีมวลความหนาแน่นสูง ไม่มีรู ไม่มีร่อง อัดแน่นด้วยผงไม้และพลาสติกเข้าเป็นไม้แผ่นเดียวกัน
    2. พื้นไม้เทียมแบบรูกลม มีความแข็งแรงสูง รับน้ำหนักได้ดีแต่ไม่เท่ากับแบบตัน แต่ได้ในส่วนของรูปลักษณ์หน้าตัดแบบรูกลม ซึ่งสามารถใช้ในงานตกแต่งหรืองานอื่น ๆ ที่ต้องการความสวยงามได้
    3. พื้นไม้เทียมแบบรูกลวง ความแข็งแรง ทนทานอาจไม่มากเท่าไม้เทียมแบบตัน และแบบรูกลม แต่ยังคงมีแข็งแรงทนทานกว่าไม้จริงและมีราคาที่ถูกกว่าทั้ง 2 รุ่นที่กล่าวมา สามารถใช้ในงานตกแต่ง งานออกแบบได้เช่นเดียวกับแบบรูกลมแต่จะเป็นอีกอารมณ์อีกความรู้สึกแทน

2.  พื้นไม้สังเคราะห์ไฟเบอร์ซีเมนต์ WFC

ไม้สังเคราะห์ WFC หรือ ไม้สังเคราะห์ไฟเบอร์ซีเมนต์ ย่อมาจาก “WOOD FIBER CEMENT COMPOSITE”  เป็นวัสดุทดแทนไม้จริงที่ผลิตจาก ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ + ซิลิก้า + เส้นใยเซลลูโลสชนิดพิเศษ เข้ากรรมวิธีการผลิตขึ้นรูปเป็นแผ่นยาว มีลวดลายเหมือนไม้จริง โดดเด่นด้วยส่วนผสมที่ทำให้สามารถทนความร้อนความเย็นได้เป็นอย่างดี ทำให้สามารถหยิบจับไปใช้งานได้ทั้งภายในภายนอกอาคาร นอกจากนี้ยังไร้ปัญหาเรื่องของปลวกและแมลงศัตรูพืช ตอบโจทย์การใช้กว่าการใช้ไม้จริงครับ ราคาถูกและหาซื้อได้ง่ายกว่า WPC

  • สำหรับประเภอแยกย่อยของไม้สังเคราะห์ WFC จะไม่ได้แยกหรือจำแนกจากหน้าตัดของไม้เหมือนไม้ WPC แต่ผู้ผลิตจะแยกเป็นรุ่น ๆ ที่เหมาะกับฟังก์ชั่นการใช้งาน ยกตัวอย่างเช่น พื้นไม้เทียม SCG ที่มีอีก 3 รุ่นให้เลือกใช้งาน เช่น
  1. รุ่น เซฟเวอร์ เดิมเป็นสีซีเมนต์ เคลือบซีลเลอร์บนผิวหน้า ช่วยให้ทาสีติดทนทานมากยิ่งขึ้น เลือกใช้สีย้อมไม้ไฟเบอร์ซีเมนต์ทาทับได้ตามความต้องการของผู้ใช้งานได้เลย สามารถติดตั้งได้ทั้งบนตงและพื้นคอนกรีต มี 3 ขนาดให้เลือก 10×2.5×30 ซม. / 15×2.5×30 ซม. / 20×2.5×30 ซม.

  1. รุ่น เบสิค ใช้เทคโนโลยี X-Trusion ทำให้มีน้ำหนักเบาลง แต่รับน้ำหนักได้มากกว่าเดิมถึง 250 กก./จุด ใช้สีย้อมไม้ไฟเบอร์ซีเมนต์ทาทับได้ มี 3 ขนาดให้เลือก 10×2.5×30 ซม. / 15×2.5×30 ซม. / 20×2.5×30 ซม.

ไม้เชิงชาย scg สีรองพื้น

 

  1. รุ่น ที-คลิป ติดตั้งด้วยคลิปล็อค จึงปราศจากร่องรอยหัวสกรู ให้พื้นผิวที่ดูเรียบเนียนสวยงาม พร้อมทาสีจากโรงงาน มี 3 สี น้ำตาลไม้โอ๊ค / เนเชอรัล / มะฮอกกานี และมี 2 ขนาดให้เลือก 16×2.5×30 ซม. / 20×2.5×30 ซม.

 

พื้น ไม้เทียม ปูพื้น ภายนอก ภายใน SCG รุ่น ที-คลิป สี มะฮอกกานี

6 วิธีไล่นกพิราบแบบถาวร ง่าย ๆ แต่ได้ผลจริง

วิธีไล่นกพิราบแบบถาวร มีแบบไหนบ้าง ? นกพิราบ นับเป็นศัตรูตัวฉกาจที่สร้างความรำคาญให้กับเจ้าของบ้านไม่น้อยไปกว่าหนูหรือแมลง โดยเฉพาะนกพิราบนับว่าเป็นภาหะในการนำเชื้อโรคร้ายมาสู่มนุษย์เป็นลำดับต้น ๆ  ยังไม่รวมเวลาที่บรรดาสัตว์เหล่านี้ปล่อยของเรี่ยราดใส่บ้านยิ่งสร้างความหงุดหงิดไม่น้อยทีเดียว และถ้าหากบรรดานกเหล่านั้นเลือกบ้านคุณเป็นที่ทำรังแล้วละก็ ปัญหาเตรียมมานับไม่ถ้วนแน่ การใช้ ไม้ปิดกันนก สามารถป้องกันได้ นอกจากนี้ยังมีวัสดุอื่น ๆ ที่ช่วยป้องกันไม่ให้นกทำรังใต้หลังคาเช่นกัน

6 วัสดุที่ใช้เป็น วิธีไล่นกพิราบแบบถาวร

วันนี้แอดมินจะแนะนำเหล่าวัสดุที่สามารถช่วยไล่ ป้องกันนกไม่ให้ทำรังใต้หลังคา เผื่อเป็นทางออกของคนประสบปัญหาเหล่านี้ แอดหวังว่า 6 วิธีเหล่านี้จะช่วยแก้ไขปัญหาให้เพื่อน ๆ ได้ไม่มากก็น้อย

  1. ไม้ปิดกันนก แผ่นปิดกันก scg ไม้ปิดกันนก สำหรับปิดเชิงชายใต้แผ่นกระเบื้องหลังคา ปิดใต้ท้องกระเบื้องหลังคา ต้องเลือกใช้งานแผ่นปิดกันที่มีรูปลอนของแผ่นเข้ากับหลังคา จะช่วยกันนกไม่ให้เข้าไปทำรังใต้หลังคา ควรเลือกวัสดุเป็นไม้สังเคราะห์เพราะมีคุณสมบัติทนแดด ทนฝน ทนปลวก ไม่โก่ง หรือ บิดงอ

ไม้ปิดกันนก แผ่นปิดกันนก scg ปิดลอนกระเบื้อง ทาสีทับได้ เป็นอุปกรณ์ที่เป็น วิธีไล่นกพิราบแบบถาวร

  1. ขึงลวด เป็นอีก 1 วิธีที่คุณสามารถทำเองได้ ใช้ลวดขึงพาดยาวเหนือความสูงจากจุดที่นกชอบไปเกาะ 2-3 นิ้ว ทันทีที่นกเข้าไปเกาะหัวจะติดกับลวดที่ขึงไว้ ทำให้ไม่สะดวกในการยืนหรือเกาะบริเวณนั้นได้

  1. เคเบิ้ลไทร์ ทำหนาม ใช้เคเบิ้ลไทร์รัดราวระเบียง หรือ หลังคา ไม่ต้องตัดส่วนที่ยื่นออกมา ให้ส่วนที่ยื่นออกมาทำเป็นลักษณะคล้ายหนามยาว โดยจะต้องรัดเคเบิ้ลไทร์ให้ได้ความถี่ที่มากพอจะไม่ให้นกเกาะหรือเหยียบได้

  1. แผ่น CD แผ่น CD มีคุณสมบัติในการสะท้อนแสง หากเรานำไปแขวนระเบียงหรือบริเวณหลังคา แสงที่กระทบกับแผ่นซีดีจะส่องเข้าตานกที่อยู่ในบริเวณนั้นเป็นช่วง ๆ ทำให้พื้นที่แสงส่องสาดถึงเป็นจุดที่นกไม่ชอบและไม่เข้าในพื้นที่นั้น การใช้แผ่น CD อาจตอบโจทย์การไล่นกแต่อาจไม่ตอบกับดีไซน์การใช้งานบ้านอยู่อาศัย

  1. ตาข่าย PVC ตาข่าย PVC มีคุณสมบัติแข็งแรงทนทาน หากนำไปติดคุมจุดที่นกสามารถเข้าทำรังบริเวณใต้หลังคา หรือ ระเบียง จะช่วยป้องกันได้ดี แต่จุดที่ต้องกังวลคือ ตาข่าย PVC จะมีลักษณะเป็นรู หากมีเศษฝุ่น เศษไม้ เข้าไปขังด้านในจำเป็นต้องจะรื้อตาข่ายเพื่อทำความสะอาดด้านในแทน

  1. กระดิ่งโมบาย การติดกระดิ่งโมบายรอบหลังคา นอกจากจะสร้างความสวยงามเก๋ไก๋ ยังช่วยป้องกันนกไม่ให้เข้ามาบริเวณบ้านด้วย ด้วยธรรมชาติของนกมักตกใจเสียงที่ดัง หากนกชนเข้ากับกระดิ่งเข้าจะเกิดเสียงดังและตกใจจนบินหนีไป (นกบางตัวคุ้นชินกับเสียงดังได้เป็นอย่างดี)

 

ไม้ ฝา scg ดีไหม ดีอย่างไร ? มีรุ่นอะไรให้เลือกใช้งานบ้าง ?

ไม้ ฝา scg หรือ ไม้ผนัง เป็นวัสดุตกแต่งที่ใช้ทำฝาบ้านด้วยการยึดกับผนังหลักเช่น ผนังปูน ผนังสมาร์ทบอร์ด ฯลฯ ด้วยลวดลายที่แสดงออกถึงความเป็นไม้ ทำให้บ้านถ่ายทอดความ ร่มรื่น ร่มเย็น สวยงามแบบเป็นธรรมชาติ ปัจจุบันมีการใช้ ไม้ฝาสังเคราะห์ แทนการใช้ไม้จริง เพราะไม้สังเคราะห์มีคุณสมบัติที่โดดเด่นมากกว่าไม้จริง ในเรื่องของการใช้งานเสียเป็นส่วนใหญ่ เช่น ช่วยป้องกันปัญหาปลวกหรือแมลงศัตรูพืช การปกป้องเชื้อรา ป้องกันสีซีดกว่าไม้ทั่วไป คุณสมบัติที่ช่วยปกป้องอุณหภูมิภายในบ้านช่วยให้บ้านเย็นสบาย แข็งแรง ทนทาน ฯลฯ ฝาไม้เทียม จึงเป็นวัสดุที่ช่างมืออาชีพมักแนะนำให้เจ้าของบ้านเลือกใช้งานแทนไม้จริงเสียเป็นส่วนใหญ่ ด้วยราคา การหาซื้อง่าย การดูแลซ่อมแซมในภายภาคหน้าสะดวกกว่าในอนาคต

ไม้ ฝา SCG แตกต่างไรอย่าง ? มีรุ่นอะไรบ้าง ?

ไม้ฝาสังเคราะห์ SCG เป็นไม้ที่มีเทคโนโลยีแตกต่างจากรุ่นอื่น ๆ ทั้งในเรื่องของเทคโนโลยี (Silver Plus) ที่เพิ่มเข้ามาช่วยป้องกันแบคทีเรียที่ช่วยปกป้องอันตรายของสุขภาพได้มากถึง 99% สามารถทำความสะอาดได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี (Reflection Plus) ช่วยสะท้อนความร้อนที่ตกลงมาถึงตัวบ้านได้สูงสุด 4 เท่า ทำให้บ้านเย็นขึ้น 5 องศา และการเคลือบสีที่ทำให้สีติดแน่นทนทาน ป้องกันเชื้อราที่อาจเกิดขึ้นกับไม้ฝาได้ (Color Loc PLUS) ช่วยให้สีของไม้มีระยะเวลาที่ยาวนานกว่าไม้ฝาทั่วไป

  1. ไม้ฝาสังเคราะห์ scg รุ่น คูลพลัส จุดเด่นของรุ่นนี้ มาพร้อมเทคโนโลยี รีเฟลคชั่น พลัส ที่ช่วยสะท้อนความร้อนของแสงแดดที่ตกกระทบผนังแทนที่จะอมความร้อน สะท้อนความร้อนสูงสุด 72 % ช่วยให้บ้านเย็นสบาย มีให้เลือกทั้งหมด 4 เฉดสีด้วยกัน สี เทาแพลตินัม สักทองประกายเงา เพิร์ล ไนท์เกรย์

  1. ไม้ฝาสังเคราะห์ scg รุ่น ประกายเงาพลัส จุดเด่นของรุ่นนี้ คือ การเคลือบสีคัลเลอร์ล็อก พลัส ทำให้คุณได้ไม้ฝาที่มีความโดดเด่นในเรื่องของสีสันทีมีประกายเง สีสันสวยงาม มีมิติ 3 เฉดสีในแผ่นเดียว ทำให้ฝาบ้านสีมีสันโดดเด่นมันวาวเป็นประกาย ช่วยให้บ้านไม้ของคุณดูโดดเด่นเห็นได้ชัดเจนมาแต่ไกล มาพร้อมเทคโนโลยีที่ช่วยป้องกันเชื้อราและตะไคร่น้ำที่ฝาผนังบ้าน มีให้เลือกทั้งหมด 3 เฉดสีด้วยกัน สี สักทอง ประดู่ มะค่า

  1. ไม้ฝาสังเคราะห์ scg รุ่น สเปเชียลพลัส รุ่นนี้จะคล้ายกับรุ่นประกายพลัส ทั้งในเรื่องของการป้องกันเชื้อราและตะไคร่น้ำ แต่แตกต่างกันเพียงรุ่นนี้มีมิติ 2 เฉดสี ไม่เน้นความโดดเด่นของสีที่ฉูดฉาดมากไปนัก สีของความมันวาวจะดร็อปจากรุ่นประกายเงาพลัสเล็กน้อย แต่ถ้าเทียบกับรุ่นทั่วไปนับว่ามีมิติของการเล่นสีที่มากกว่า มีให้เลือกทั้งหมด 2 เฉดสีด้วยกัน สี สักน้ำตาล แดงทับทิม

ไม้ ฝา scg รุ่น สเปเชียลพลัส สีสักน้ำตาลพลัส มีขนาด 6 และ 8 นิ้ว

  1. ไม้ฝาสังเคราะห์ scg รุ่น เนเชอรัล ไม้ฝารุ่นนี้จะเน้นไปที่ลวดลายที่แสดงความเป็นธรรมชาติแบบไม้ล้ำค่า ลวดลายไม้เน้นความสมจริง เลียนแบบสีจากไม้จริงจากธรรมชาติที่หายากมีสีสักทองและสีมะค่า ให้เลือก เน้นการตกแต่งที่เน้นความเป็นธรรมชาติความเรียบง่าย มีให้เลือกทั้งหมด 2 เฉดสีด้วยกัน สี สักทอง มะค่า

ไม้ ฝา scg ฝาไม้เทียม สีมะค่า รุ่น เนเชอรัล (Natural) มีขนาด 6 และ 8 นิ้ว

  1. ไม้ฝาสังเคราะห์ scg รุ่น คลาสสิค ถ้าหากคุณเป็นชอบรูปแบบคลาสสิคในรูปแบบดั้งเดิมรุ่นนี้ถือได้ว่าเป็นรุ่นที่ช่วยตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี เป็นรุ่นที่มีความสวยงามในทุกยุคทุกสมัย แบบไม้แท้ๆ ที่เราสามารถพบเห็นได้ทั่วไป ตามฝาผนังบ้านในต่างจังหวัดที่เราเห็นกันในลักษณะของไม้จริง มีให้เลือกทั้งหมด 3 เฉดสีด้วยกัน สี โอ๊คแดง ฟ้า งาช้าง

  1. ไม้ฝาสังเคราะห์ scg รุ่น โคโลเนียล รุ่นนี้จะเน้นความสวยงาม ปราณีต มีการเซาะร่องและกลึงเพื่อให้ได้งานไม้ที่ทรงคุณค่า มีเพียง สีงาช้าง เท่านั้น ซึ่งเป็นสีสันที่แสดงออกถึงความหรูหราและงานตกแต่งชั้นยอด

  1. ไม้ฝาสังเคราะห์ scg รุ่น นิวอิงแลนด์ อีกหนึ่งงานไม้ที่สวยงามชดช้อย จะคล้ายกับรุ่นโคโลเนียลที่เน้นงานเซาะร่องอย่างพิถีพิถัน แต่จะแตกต่างที่ขอบทั้ง 2 ด้านที่เห็นได้อย่างเด่นชัดมากกว่า มีเพียง สีงาช้าง เช่นเดียวกับรุ่น โคโลเนียล

  1. ไม้ฝาสังเคราะห์ scg รุ่น สีรองพื้น (Primer) รุ่นนี้คุณสามารถเนรมิตฝาผนังบ้านเป็นไม้ลวดลายสีสันอะไรก็ตามใจชอบ โดยรุ่นนี้จำเป็นต้องใช้สีน้ำอะคริลิค 100% ทาทับเท่านั้น เพื่อให้สีติดเกาะไม้ได้อย่างถาวร มีให้เลือกทั้งหมด 3 เฉดสีด้วยกัน สี โอ๊คแดง ฟ้า งาช้าง

  1. ไม้ฝาสังเคราะห์ scg รุ่น สีซีเมนต์ (Timber) เป็นไม้ฝาที่มีลายลึก สามารถเปลี่ยนจากสีซีเมนต์เป็นสีอื่นด้วยการใช้สีรองพื้นปูนเก่า แล้วทาทับอีกชั้นด้วยสีน้ำอะคริลิค 100 % อีกครั้ง เพียงเท่านี้คุณก็จะได้บ้านที่มีสีสันตามใจชอบ

  1. ไม้ฝาสังเคราะห์ scg รุ่น บังใบ สวยเนี้ยบด้วยการเก็บหัวสกรู ทำให้ได้ผนังที่เรียบเป็นผืนเดียว มีทั้งแบบไม่เซาะร่อง แบบเซาะร่อง 4 นิ้ว และแบบเซาะร่อง 2.5 นิ้ว มีเพียงสีซีเมนต์เท่านั้น

 

เทคโนโลยี Color Loc PLUS (คัลเลอร์ ล็อค พลัส) ช่วยล็อกทุกโมเลกุลสีให้ติดแน่นบนเนื้อไม้สังเคราะห์ด้วยเทคนิคการพ่นสีแบบพิเศษ ที่พัฒนามาเพื่อไม้สังเคราะห์โดยเฉพาะผ่านการอบความร้อนและให้ความเย็นช่วยล็อกสีให้ติดทน ให้ไม้สังเคราะห์สีสำเร็จยังคงสวยเป็นธรรมชาติเหมือนไม้จริงและทนทานยิ่งกว่า เทคโนโลยี Color Loc PLUS ผ่านการทดสอบความทนต่อสภาวะอากาศ QUV ตามมาตราฐาน ASTM G154 และการยึดเกาะของฟิล์มสีตาม ASTM D3359 ผ่านการทดสอบการสะท้อนพลังงานแสงอาทิตย์ตามมาตราฐาน ASTM E903–96 ผ่านการทดสอบความทนทานต่อเชื้อราและตะไคร่ตามมาตราฐาน มอก.2321–2549

  • ชั้นที่ 1 Ceramic PLUS เซรามิค พลัส เป็นเกราะป้องกันความร้อนให้บ้านเย็นขึ้น 5 องศา
  • ชั้นที่ 2 Reflection PLUS รีเฟลคชั่น พลัส สะท้อนความร้อน 4 เท่า
  • ชั้นที่ 3 Diamon PLUS สีทนขึ้น 2 เท่า เงางาม ทำความสะอาดง่าย ป้องกันราและตะไคร่
Back to Top

นโยบายการคืนเงิน

เงื่อนไขการคืนเงิน

  1. กรณีลูกค้าเลือกชำระด้วยบัตรเครดิต

1.1 หากมีการยกเลิกรายการก่อนทำการบรรจุสินค้าลงกล่อง ทางบริษัทฯ จะทำการคืนวงเงินกลับไปยังบัญชีบัตรเครดิตภายในวันทำการถัดไป

1.2 กรณีที่มีการคืนสินค้าหลังได้รับสินค้าเรียบร้อยแล้ว ทางบริษัทฯ จะทำการปรับปรุงคืนวงเงินไปยังบัญชีบัตรเครดิต หรือ Paypal ของลูกค้าภายใน 14 วันทำการนับจากวันที่บริษัทฯ ได้ทำการตรวจสอบและยืนยันการรับคืนสินค้า

  1. กรณีลูกค้าชำระด้วยวิธีการอื่น ๆ นอกเหนือจากข้อ 1

2.1 สำหรับรายการที่มีมูลค่าไม่เกิน 1,000 บาท ทางบริษัทฯ จะทำการโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ของลูกค้า ภายใน 3 วันทำการนับจากวันที่บริษัทฯ ได้ทำการตรวจสอบและยืนยันการรับคืนสินค้า

2.2 สำหรับรายการที่มีมูลค่ามากกว่า 1,000 บาทขึ้นไป ทางบริษัทฯ จะทำการโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ของลูกค้า ภายใน 5 วันทำการนับจากวันที่บริษัทฯ ได้ทำการตรวจสอบและยืนยันการรับคืนสินค้า

เงื่อนไขการรับประกัน

บริษัทฯ รับประกันสินค้าเป็นเวลา 1 ปี นับจากวันที่ซื้อสินค้า และมีเงื่อนไขและข้อกำหนดดังนี้

  1. ภายใต้ระยะเวลาของการรับประกัน บริษัทฯ อาจทำการซ่อมหรือเปลี่ยนสินค้าตัวใหม่ให้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัทฯ
  2. หลังจากซ่อมหรือเปลี่ยนสินค้า การนับระยะเวลารับประกันจะเริ่มนับต่อเนื่องจากที่เหลืออยู่
  3. บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการคิดค่าใช้จ่ายในการซ่อมหรือเปลี่ยนสินค้า โดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ ของบริษัทฯ
  4. สินค้าที่ส่งเคลม จำเป็นต้องทิ้งไว้เพื่อตรวจสอบความบกพร่องหรืออาการเบื้องต้นก่อน
  5. บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบต่อสินค้าที่เสียหายที่อยู่นอกข่ายการรับประกัน หรือ สินค้าที่หมดประกันแล้ว

การรับประกันที่ถือเป็นโมฆะตามเงื่อนไข

  1. สินค้าไม่มี void รับประกันของบริษัทฯ หรือไม่มีหมายเลขเครื่องสินค้า (S/N) หรือสติ๊กเกอร์ของบริษัทฯหรือหลักฐานที่แสดงว่าเป็นสินค้าของบริษัทฯ
  2. สินค้าที่เกิดความเสียหายจากการดัดแปลงแก้ไขหรือซ่อมแซม โดยบุคคลที่ไม่ได้รับมอบหมายจากบริษัทฯ การแกะ/ชำแหละ/ดัดแปลงแปลงแก้ไขโดยผู้ใช้
  3. สินค้าที่เกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุ น้ำ อาหาร ความชื้น อุณหภูมิที่สูงหรือต่ำเกินไป
  4. สินค้าที่เสียหายจากการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง เช่น การติดตั้งผิดพลาด การตกกระแทกแตกหักเสียหาย สัตว์เลี้ยงกัดแทะ ฯลฯ มีผลให้สินค้าเสียหาย เป็นต้น

นโยบายความเป็นส่วนตัว

บริษัทฯ จะพยายามอธิบายผลิตภัณฑ์ให้ถูกต้อง ตรงกับความเป็นจริงมากที่สุด อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ไม่สามารถยืนยันได้ว่าคำบรรยายผลิตภัณฑ์บนเว็บไซต์จะปราศจากข้อผิดพลาดทั้งมวล ดังนั้นหากท่านไม่พอใจในสินค้า หรือเห็นว่าไม่ตรงกับคำบรรยาย บริษัทฯ ยินดีที่จะรับคืนสินค้า (ตามเงื่อนไขการเปลี่ยน คืนสินค้า) เช่นเดียวกัน บริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะแสดงรูปภาพสินค้าที่มีสีที่ถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริง แต่สีที่แสดงบนหน้าจอของท่านอาจผิดเพี้ยนได้ตามการตั้งค่าของหน้าจอ คอมพิวเตอร์ที่แตกต่างกันไป

  1. การป้องกันการฉ้อโกง
    บริษัทฯ มีกระบวนการตรวจสอบการฉ้อโกงหรือการกระทำที่ผิดกฎหมาย บริษัทฯมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธหรือระงับคำสั่งซื้อ หากตรวจพบบัญชีที่มีประวัติการฉ้อโกง และฝ่ายบริการลูกค้าของบริษัทฯ อาจติดต่อท่านผ่านทางโทรศัพท์เพื่อให้ท่านยืนยันคำสั่งซื้อได้ บริษัทฯ อาจยกเลิกบัญชีของผู้ใช้บริการ หากตรวจพบการฉ้อโกงหรือพฤติกรรมที่ผิดกฎหมาย บริษัทฯ บังคับใช้นโยบายดังกล่าวเพื่อปกป้องผู้ใช้บริการของเรา รวมทั้งบริษัทฯ เองจากการถูกต้มตุ๋น หลอกลวง หรือการกระทำที่ผิดกฎหมาย
  2. ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ
    บริษัทฯ ยินดีรับความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากท่านเกี่ยวกับเว็บไซต์ สินค้าและบริการของบริษัทฯโดยความคิดเห็นและข้อเสนอแนะดังกล่าวจะไม่ถือเป็นความลับ และอาจถูกนำไปใช้ ดัดแปลง ทำซ้ำ และเผยแพร่ได้เพื่อจุดประสงค์ใดๆ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะไม่เชื่อมโยงชื่อนามสกุลของท่านกับความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของท่าน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากท่านก่อนเว้นแต่ในกรณีที่เป็นการขัดต่อข้อกฎหมายเท่านั้น

นโยบายการจัดส่ง

บริษัทฯ ยินดีรับเปลี่ยนหรือคืนสินค้าภายใน 14 วันหลังจากการสั่งซื้อ ตามกรณีดังต่อไปนี้

  1. ในกรณีที่ทางบริษัทฯจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าผิดจากรายละเอียดจากการยืนยันการสั่งซื้อครั้งล่าสุดจากทางบริษัท ทางบริษัทฯ ยินดีที่จะรับเปลี่ยนและจัดส่งสินค้าที่ถูกต้อง ให้กับลูกค้าใหม่ภายใน วันทำการ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ
  2. ในกรณีที่มีปัญหาจากตัวสินค้าชำรุดเสียหายเนื่องจากการผลิต หรือสินค้าเกิดความเสียหายเนื่องจากการขนส่งจากทางบริษัท ทางบริษัทฯยินดีที่จะรับเปลี่ยนและจัดส่งสินค้าที่ถูกต้อง ให้กับลูกค้าใหม่ภายใน วันทำการ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ