หน้าแรก
สินค้า
แชทไลน์

banner

ทำไม ปูพื้น SPC ต้องรองโฟม หากไม่รองโฟม แตกต่างกันอย่างไร

ปูพื้น SPC ต้องรองโฟมไหม คำถามนี้เป็นอีกหนึ่งคำถามที่คนสนใจในกระเบื้องยางคลิ๊กล็อคหลายคนสงสัยกันเป็นอย่างมาก ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าการนำโฟมไปรองที่พื้น เวลาเดินจะยวบยาบและมีเสียงเวลาเดินเหมือนในงานพื้นไม้ลามิเนต ก่อนที่จะเฉลยถึงความแตกต่างของพื้นแบบรองโฟมและแบบไม่รองโฟม มาทำความรู้จักกับกระเบื้องยางคลิ๊กล็อค SPC ก่อน จะได้เข้าใจถึงเหตุผลที่ต้องรองโฟมหรือไม่ต้องรองโฟมกันครับ

กระเบื้องยางแบบ คลิ๊กล็อค SPC  เป็นวัสดุที่ผลิตจากหินผสมกับพลาสติก ไม่มีส่วนผสมของไม้แต่อย่างใด  แตกต่างจากกระเบื้องยางทั่วไปที่ผลิตจากพลาสติกไม่มีส่วนผสมของหินเลย ดังนั้น เนื้อสัมผัมของกระเบื้องยาง SPC จึงจะมีความแข็งแกร่ง ทนทาน แต่ยืดหยุ่นได้น้อยกว่ากระเบื้องยางประเภทอื่น  ความสามารถในการกันชื้นจากโมเลกุของหินก็มีมากกว่ากระเบื้องยางแบบอื่น ๆ เช่นกัน

 

ปูพื้น spc รองโฟม หรือ ไม่รองโฟม แตกต่างกันอย่างไร

จะเห็นว่าพื้น SPC มีความแข็งแกร่งแต่หยืดหยุ่นอ่อนตัวได้น้อยกว่ากระเบื้องยางทากาว และ กระเบื้องยางคลิ๊กล็อคLVT ดังนั้น การรองโฟม และ การไม่รองโฟม นับว่าส่งผลต่อกระเบื้องยางคลิ๊กล็อค SPC เลยทีเดียว แต่จะแตกกันมากน้อยเพียงใด มาดูพร้อมกันได้เลย

ความแตกต่าง แบบ รองโฟม แบบ ไม่รองโฟม
เสียง โฟมเป็นดั่งชั้นฉนวนช่วยซัพเสียงจากกระเบื้องยางกับพื้นโดยตรง ด้วยส่วนผสมการผลิตที่มีหินเป็นส่วนประกอบ ทำให้ SPC มีความแข็งและไม่อ่อนตัว หากไม่รองโฟม  เวลาพื้น SPC กระทบพื้นปูนจะมีเสียงดังกรอบแกร๊บ
ความทนทาน ชั้นโฟมช่วยซัพแรงกระแทกได้ดี เช่นเดียวกับการซัพเสียง ทุกแรงกดทับ กระเบื้องจะกระแทกกับพื้น หากพื้นปูนไม่เรียบ หรือ ต่างระดับ ส่งผลให้อาจเกิดการแตกหัก ความทนทานและอายุการใช้งานของกระเบื้อง SPC
ยืดหยุ่น ยืดหยุ่นด้วยโฟมที่ทำหน้าที่ซัพแรงกดทับ ความยืดหยุ่นน้อยเพราะส่วนประกอบหลักเป็นหิน
การติดตั้ง การปูโฟมรองนั้นจะช่วยให้การติดตั้งพื้นง่ายและเร็วขึ้น เพราะโฟมเสมือนทำหน้าที่ปรับพื้นผิวให้สม่ำเสมอกัน ใช้ระยะเวลาที่นานกว่าปกติ กับขั้นตอนการเคลียร์เศษฝุ่น เศษหิน จากพื้นปูนเดิม พื้นเดิมต้องผ่านการขัดหน้าพื้นให้เรียบเนียน ไม่เป็นหลุ่มเป็นแอ่ง ได้ระดับ
สัมผัสการเดิน หากโฟมรองและกระเบื้องที่ปูเซตตัว จะทำให้สัมผัสการเดินแน่น ไม่ยวบยาบเหมือนงานพื้นไม้ลามิเนต สัมผัสการเดินแข็งกระด้าง ไม่ต่างจากเดินพื้นปูน
ราคา อาจต้องซื้อโฟมแยก บางรุ่นมีโฟมรองติดกับกระเบื้องยาง ไม่เสียค่าใช้จ่ายเรื่องโฟมรอง แต่การเตรียมพื้นผิวต้องดีเป็นพิเศษ

 

สรุปเลยนะครับ ในการปูกระเบื้องยาง SPC ท่านจะปูโฟมรองก่อนหรือไม่ปูโฟมรองก็ได้ครับ แล้วแต่ความต้องการของท่านเลย แต่ถ้าให้ดีแนะนำว่าควรจะปูโฟมรองก่อนจะดีกว่าครับ นอกจากจะช่วยปรับพื้นให้เสมอกันแล้วยังช่วยเรื่องการซัพเสียงและสัมผัสที่ดีในการเดินอีกด้วยครับ

4 กระเบื้องปูพื้น ที่นิยมในปัจจุบัน ?

กระเบื้องปูพื้น ในปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น กระเบื้องเซรามิค กระเบื้องโมเสค แกรนิตโต้ กระเบื้องยาง พื้นไม้ปาเก้ พื้นลามิเนต หรืออื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นพื้นที่นิยมใช้กับงานปูพื้นบ้านและอาคารทั้งนั้น และมีลวดลาย texture ข้อดี ข้อเสีย และราคาที่แตกต่างกันไป ซึ่งแต่ละประเภทก็มีความสวยงาม มีความทันสมัย ในแบบของตัวเอง ขึ้นอยู่กับดีไซน์การใช้งานการตกแต่งของเจ้าของบ้านเจ้าของอาคาร  วันนี้ แอดมิน จะพาเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ มาดูว่าแต่ละแบบมีจุดเด่นอะไรกันบ้าง เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจสำหรับเพื่อน ๆ พี่ ๆ ทุกคนที่กำลังหาวัสดุปูพื้นใหม่

 

 

กระเบื้องปูพื้น แต่ละแบบที่กำลังเป็นที่นิยม

1. กระเบื้องยาง หรือ กระเบื้องไวนิล 

เป็นกระเบื้องที่มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับใช้การตกแต่งภายใน ปูพื้น ปูผนังได้ เป็นกระเบื้องที่ผลิตมาจากโพลิเมอร์หรือยาง กระเบื้องยาง  มีราคาถูก เป็นกระเบื้องที่ทนความชื้นได้ดี  ไม่แตกหัก เพราะพื้นทำมาจากยาง มีความนุ่ม  ดูแลรักษาง่าย กันน้ำ  มีความสวยงาม มีความเรียบแต่หรูหรา มาพร้อมกับอายุการใช้งานที่ยาวนานถึง 10 – 15 ปี

ข้อดีของกระเบื้องยาง

  • มีความทนทาน กันน้ำ และป้องกันปลวก
  • ทนความชื้น ทนน้ำ ป้องกันการลื่น
  • รองรับน้ำหนักได้ดี
  • ติดตั้งง่าย สามารถปูทับพื้นเดิม
  • ซ่อมแซมเองได้

ข้อเสียกระเบื้องยาง 

  • ในการติดตั้งจะต้องติดตั้งกับพื้นที่เรียบ และมีความสะอาดเท่านั้น
  • ไม่ได้ให้ความสัมผัสถึงไม้จริง
  • ถ้าติดตั้งทับพื้นกระเบื้องเซรามิก ต้องยาแนวให้เรียบซะก่อน

2. กระเบื้องเซรามิค

เป็นกระเบื้อง ที่เราพบเห็นได้ตามตัวอาคารทั่ว ๆ ไป พื้นกระเบื้องมีความแน่นและแข็งแกร่งค่อนข้างสูง มีคุณสมบัติใกล้เคียงหิน แต่แตกหักได้ง่าย เพราะส่วนใหญ่มักจะทำออกมาเป็นแผ่นบาง กระเบื้องเซรามิกมีลวดลายบนตัวกระเบื้องเนื่องจากมีการพิมพ์ลายลงบนเนื้อ กระเบื้องเซรามิกมีการแยกประเภทสำหรับใช้ปูพื้นหรือใช้ปูผนัง เวลาไปเลือกซื้อจึงต้องระบุชนิดของกระเบื้องให้ดี ส่วนราคาของกระเบื้องเซรามิกถือว่าราคาไม่สูง มีตั้งแต่ราคา 10 กว่าบาทขึ้นไปจนถึงราคาหลักร้อย

ข้อดีของกระเบื้องเซรามิก

  • สีสัน ลวดลายมีให้เลือกหลายขนาด
  • ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับคุณภาพ
  • หาซื้อได้ง่าย

ข้อเสียของกระเบื้องเซรามิก

  • เวลาเปียกน้ำมักมีความลื่น
  • รื้อแล้วนำมาปูใหม่ไม่ได้
  • แตกหักง่าย

3.พื้นไม้ปาร์เก้

ปาร์เก้เป็นไม้ชิ้นเล็ก ๆ ที่นำมาต่อกันคล้ายกับ โมเสค การปูพื้นด้วยปาร์เก้เป็นการตกแต่งบ้านให้ดูมีบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ พื้นไม้ปาร์เก้ยังมีจุดเด่น คือ ไม่เก็บฝุ่น ทำให้ไม่เกิดการสะสมแหล่งของโรคภูมิแพ้ และพื้นปาร์เก้ยังสามารถทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย ปาร์เก้สามารถทำขึ้นได้จากไม้หลายชนิด เช่น ปาร์เก้ไม้แดง ปาร์เก้ไม้สัก ปาร์เก้ไม้เทียม เป็นต้น

ข้อดีของพื้นไม้ปาร์เก้

  • ลวดลายสวยงาม
  • ไม่กักเก็บฝุ่น
  • ติดตั้งง่าย

ข้อเสียของพื้นไม้ปาร์เก้

  • ไม่ทนความชื้น
  • ปลวกสามารถกัดกินไม้ได้ง่าย
  • เป็นรอยง่าย

4. พื้นไม้ลามิเนต

พื้นลามิเนต เป็นพื้นที่ไม่ไม้จริง ๆ แต่เป็นเอาไม้แท้ ๆ มาผ่านกระบวนการต่าง ๆ ที่ให้ได้พื้นไม้ลามิเนตออกมา โดยใช้ผงไม้มาอัดจนเป็นแผ่น ซึ่งเป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ พื้นลามิเนต1 แผ่นจะประกอบไปด้วยชั้นต่าง ๆ ถึง 4 ชั้น ซึ่งชั้นที่หนาที่สุดจะเป็นชั้นตรงกลาง เพราะชั้นนี้จะนำเนื้อไม้มาย่อยให้เป็นผง และนำไปผสมกับสารเคมีอื่น ๆ จึงทำให้ออกมาเป็นแผ่น

ข้อดีของพื้นไม้ลามิเนต

  • ติดตั้งได้เร็ว น้ำหนักเบา และทนทาน
  • ให้ความรู้สึกถึงไม้จริง ๆ เวลาที่เราสัมผัส
  • สวย ลายไม้มีความเหมือนจริง
  • ปูทับพื้นเดิมได้

ข้อเสียของพื้นไม้ลามิเนต

  • ต้องระวังเรื่องความชื้น เพราะไม้มิเนตไม่ทนความชื้น
  • ซ่อมแซมเองไม่ได้ ต้องเป็ช่างเท่านั้น
  • ระวัง ปลวก มอด เพราะมันชอบพื้นแบบนี้

วิธีทำความสะอาดกระเบื้องยาง และปัญหากระเบื้องยางหลังปู

วิธีทำความสะอาดกระเบื้องยาง หลังปูทำอย่างไร หลาย ๆ คนคงจะเคยเจอกับ effect ปัญหาคราบกาวติดแผ่นกระเบื้องยางหลังปูก็เป็นไปได้  ซึ่ง effect นี้เกิดขึ่นได้เกือบทุกพื้นที่ สาเหตุที่ทำให้เกิดอาจจะเกิดจาก เราปูเอง หรือช่างที่เราจ้างมาไม่ชำนาญเท่าไหร่ รวมไปถึงการใส่กาวที่เยอะเกินไป ทำให้เวลาที่กดหรือออกแรงกระเบื้องยางให้ยึดติดพื้น  เนื้อกาวดันออกมาทำให้เลอะเปรอะเปื้อนเต็มพื้น หรือแม้แต่อุณภูมิที่อาจจะส่งผลให้เนื้อกาวดันขึ้นตามร่องกระเบื้องไวนิลได้ ซึ่งปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาปกติสำหรับการติดตั้งแบบทากาวหรือกาวในตัวนั่นเอง ซึ่งเราสามารถแก้ไขหรือทำความสะอาดคราบกาวเหล่านั้นเองได้ เพียงจะต้องรู้วิธีแก้ไขให้ถูกต้องเท่านั้นเอง

 

 

 

วิธีทำความสะอาดกระเบื้องยาง หลังปู

การทำความสะอาดพื้นกระเบื้องยางหลังปู เราสามารถทำได้ด้วยตัวเอง ซึ่งการทำความสะอาดนั้นจริง ๆ แล้วไม่ยาก และเป็นเรื่องปกติสำหรับการติดตั้งแบบใช้กาวอยู่แล้วนั้นเอง ซึ่งเราสามารถเช็ดล้างทำความสะอาด เพื่อให้พื้นกระเบื้องยางของเราเป็นพื้นที่มีความทันสมัย สวย ได้ดังนี้

  • หลังจากการปูพื้นกระเบื้องยางเสร็จ จะมีคราบกาวที่ดันขึ้นจากพื้นหลงเหลืออยู่ที่บนชั้นผิวของกระเบื้อง โดยเราจะต้องทิ้งไว้ซักพักรอให้กาวด้านล้างแห้งและยึดติดกับกระเบื้องที่เราปูไปเสียก่อน ก่อนที่จะทำความสะอาด
  • ใช้น้ำยาล้างจานผสมน้ำอุ่น หรือน้ำยาทำความสะอาดอื่นๆที่เหมาะสม ผสมในอัตราส่วนที่เหมาะสม แล้วใช้แปรงขนขนาดเล็กหรือไม้ถูเช็ดทำความสะอาดคราบกาวที่ติดกระเบื้องยาง
  • กรณีที่คราบกาวเช็ดออกไม่หมด ให้ใช้ผ้าชุบน้ำมันสนบิดมาด ๆ และขัดเช็ดถูบริเวณที่มีคราบกาว ไม่แนะนำให้ใช้ทินเนอร์เพราะเป็นสารเคมีที่รุนแรงเกินไปอาจทำให้หน้ากระเบื้องยางเสียหายได้
  • หลังเช็ดคราบกาวเสร็จสิ้นควรใช้แวกซ์ชนิดน้ำ ลงที่หน้ากระเบื้อง จะช่วยรักษาพื้นให้คงทน ดูสวยเป็นเงางาม และ ทำให้รักษาความสะอาดได้ง่าย
  • หลังเสร็จสินควรทิ้งพื้นไว้ 1 – 2 วันก่อนใช้งานพื้น

ปัญหากระเบื้องยาง ที่มักพบเจอหลังปู

  1. ถ้าเราใช้กระเบื้องยางไปนาน ๆ อาจจะเจอปัญหา กาวดันกระเบื้องขึ้นมาทำให้กระเบื้องโก่ง แก้ไขได้โดยเอาฟอล์ยมาปูทับกระเบื้องแผ่นที่โก่ง หลังจากนั้นใช้เตารีด รีดแผ่นกระเบื้องที่โก่ง วิธีนี้จะทำให้ลดปัญหาได้ เพราะเป็นปัญหาที่เกิดจากการขยายตัวของกระเบื้องยางนั่นเอง
  2. ปัญหารอยดำของกระเบื้องยาง จะพบเจอบ่อย ซึ่งปัญหานี้เกิดจาก เวลาที่เราปูกระเบื้องเอง จะเกิดปัญหาบ่อย เพราะเราอาจจะใช้กาวไม่มีมาตรฐาน ซึ่งถ้าปูกระเบื้องไปแล้วขึ้นรอยดำ ให้ใช้ผ้าชุบน้ำยาเมจิคคลีน ถูบ่อย ๆ บริเวณคราบดำ วิธีก็จะทำให้คราบหายได้เหมือนกัน หรือเรานำกระเบื้องยางไปปูพื้นห้องน้ำ แล้วเกิดคราบดำจากน้ำสบู่ ยาสระผม ก็ใช้วิธีนี้เหมือนกัน
  3. หากเกิดกรณี กระเบื้องยางหด และขยายตัวอย่างเฉียบพลัน ซึ่งจะเกิดจาก อุณภูมิ ถ้าเป็นภาษาทางวัสดุที่เค้าใช้จะเรียกกัน คือ thermal shock มันเกิดปัญหาจากตอนที่เราปูจะไม่สนิท กระเบื้องมันเลยจะไม่ติดกัน ปัญหานี้มักเกิดจากการขนส่งกระเบื้องยาง ที่เป็นเป็นเวลานาน ๆ โดยผ่านอุณภูมิหลากหลาย เช่น ร้อน และเย็น วิธีแก้ทำได้ด้วยการ พักกระเบื้องยางก่อนปู ในอุณหภมิปกติอย่างต่ำ 1 วัน เพื่อให้กระเบื้องคืนรูปเดิม ซึ่งปัญหานี้เกิดกับพวกกระเบื้องยาง ที่มีส่วนผสมของยางรีไซเคิลเกรดเยอะ ๆ มากกว่า 30% ขึ้นไปพวกนี้ ราคาถูกจริงแต่ปัญหาก็เยอะตามด้วย
  4. ข้อห้ามในการทำความสะอาดกระเบื้องยาง คือห้ามใช้แปรงขัดเด็ดขาด เพราะจะทำให้กระเบื้องยางนั้นมีรอย เราใช้แค่ผ้าชุบน้ำ หรือน้ำยา ในการเช็ดทำความสะอาดเท่านั้น

ปัญหา กระเบื้องยางหดตัว สาเหตุเกิดจากอะไร วิธีแก้ไขและป้องกันอย่างไร

กระเบื้องยางหดตัว แก้ไขอย่างไรได้ ? อย่างที่เราทราบกันดีกว่า กระเบื้องยาง นับเป็นหนึ่งในวัสดุ ยอดนิยม เนื่องจาก หาได้ง่าย มีหลากหลายลาย หลากหลายรูปแบบ ด้วยคุณสมบัติ ทนน้ำ ทนไฟ กันปลวก ดูแลรักษาง่าย ราคาไม่แพง จึงทำให้กระเบื้องยาง เข้ามาแทน วัสดุปูพื้นจำพวกลามิเนตได้อย่างง่ายดาย แต่ปัญหา ที่สำคัญมากของกระเบื้องยางคือ การหดของกระเบื้องยางซึ่งถือได้ว่า เป็นปัญหาอันดับต้นๆ ที่คนใช้กระเบื้องยางต้องเคยเจอ  แล้ววันนี้นะครับ ผมจะมาบอกวิธีการแก้ไขปัญหาเมื่อกระเบื้องยางเกิดการหดตัวและวิธีการป้องกันการหดตัวของกระเบื้องยางครับ

 

 

สาเหตุของ กระเบื้องยางหดตัว

สาเหตุของปัญหากระเบื้องยางเกิดการหดตัว เนื่องจากกระเบื้องยางถูกออกแบบมาเพื่อให้นุ่มสบายเท้า ไม่แข็งกระด้าง ตอบโจทย์กับการใช้งานของการเดินมากกว่าวัสดุอื่น ๆ วัสดุหลักที่ใช้ในการผลิตกระเบื้องยางส่วนใหญ่จึงเป็นพลาสติก pvc  จึงมีความยืดหยุ่นสูง เมื่อเจอกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ความชื้นของห้องจากการฤดูฝน หรือ การเปิดแอร์ การดูแลทำความสะอาดจากการใช้น้ำเช็ดถู ยิ่งผ่านการใช้งานมาเป็นเวลานาน เนื้อยางจะค่อย ๆ มีการเปลี่ยนสภาพจึงเกิดสิ่งที่เรียกว่า กระเบื้องยางหดตัว นั้นเอง

วิธีแก้ไขเมื่อ กระเบื้องยางหดตัว

  1. รื้อแล้วปูใหม่ โดยใช้กระเบื้องเดิม เพราะกระเบื้องมีการปรับอุณภูมิแล้วจะไม่เกิดปัญหาการหดตัวซ้ำอีก
  2. ใช้ แด๊ปสี ในการเก็บตะเข็บที่หด โดยเลือกสีที่ใกล้เคียงกับกระเบื้องมากที่สุด ก็จะแก้ไขปัญหานี้ได้
  3. หลังจากการปูกระเบื้องแล้วให้ใช้ WAX ทาเคลือบกระเบื้อง ก็จะช่วยในเรื่องการหดตัวได้เป็นอย่างดี

แต่จากวิธีดังกล่าว มาเป็นเพียงหนทางที่จะช่วย รักษาอายุการใช้งานของกระเบื้องไม่สามารถการันตีได้ 100% ว่า กระเบื้องจะไม่หดตัว ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นกับผู้บริโภค จะเลือกใช้วัสดุ ให้เหมาะสมกับความต้องการของตนเอง นอกจากวิธีแก้ไขแล้วเราควรรู้จักวิธีป้องกันด้วย

วิธีป้องกัน ปัญหากระเบื้องยาง ไม่ให้หดตัวตั้งแต่เริ่มต้น

  1. ก่อนการปูกระเบื้องยาง ต้องแน่ใจว่า พื้นแห้งเรียบสนิท ไม่มีความชื้น เพราะความชื้น จะทำให้พื้นเย็น เป็นอีกนึงสาเหตุทำให้กระเบื้องยางหดตัวได้
  2. เวลาซื้อกระเบื้องยางไปก่อนการปูควรทิ้งให้กระเบื้องยาง ปรับตัวกับสภาพอากาศหน้างานก่อน 1-2 วันเพื่อให้เกิดการ เซทตัว ไม่เกิดการหดหลังปู
  3. หากพื้นที่ที่จะใช้ กระเบื้องยาง มีแดดส่องถึงตลอดเวลา ควร นำกระเบื้องยาง ไปวางไว้บริเวณที่แดดส่องถึงก่อนเป็นเวลา 2 วันเพื่อให้กระเบื้อง หดและขยายตัวให้เต็มที่ก่อนปู
  4. เวลาปูกระเบื้องทุกแผ่นๆ ควรใช้ค้อนยาง ตอกให้แน่น เพื่อให้ตะเข็บ เรียบสนิท และเป็นการตีเพื่อ ให้เนื้อกระเบื้องขยายตัวให้เต็มที่ป้องกันการหดภายหลัง

เลือก กระเบื้องยาง SPC วัสดุปูพื้นที่ไม่หดตัว

ปัจจุบัน จึงมีการพัฒนา กระเบื้องยางให้หดตัวน้อยลง เรียกว่า กระเบื้องยาง SPC โดยการผสมผงหินเข้าไปในเนื้อกระเบื้อง ทำให้ อัตราการหดตัวต่ำลง เพราะเนื่องจากผงหิน จะเข้าไปขว้าง ระหว่างเส้นใย เมื่อมีการหดตัวก็จะเจอผงหินก่อน จึงทำให้การหดตัวน้อยกว่า การใช้กระเบื้องยาง PVC ล้วน อีกทั้งเพิ่มความแข็งแรง ทำให้คงรูปได้มากกว่าด้วย กระเบื้องยาง SPC จะไม่หดตัวแต่จะขยายตัวแทน ดังนั้นการปูพื้น SPC จะไม่สามารถปูชิดขอบผนังได้ ต้องเว้นห่างจากตัวผนัง 1-2 ซม เพื่อเผื่อให้พื้น SPC ขยายตัว และเก็บงานด้วยบัวติดผนังเก็บรอยห่างที่ไม่ได้ปูชิดแทน

 

อย่างที่ได้กล่าวไปทั้งหมดเกี่ยวกับปัญหาและการแก้ไขปัญหาการหดตัวของกระเบื้องยาง ทั้งนี้ทั้งนั้นส่วนใหญ่อยู่ที่คุณภาพของวัสดุที่ท่านได้ซื้อมาติดตั้งกับการใช้งานในแต่ละวัน เช่นมีการขนย้ายหรือใช้รถเข็นอยู่เป็นบ่อยๆ ก็อาจจะทำให้เกิดการเสียหายต่อกระเบื้องยางได้อย่างรุนแรงครับ และทั้งหมดนี้ท่านสามารถเอาไปเป็นแนวทางการดูแลรักษาหรือซ่อมแซมพื้นกระเบื้องยางของท่านได้อย่างง่ายดาย หากท่านใดดูแล้วเกิดประโยชน์ก็อย่าลืมกดกดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ด้วยครับ

พื้น SPC คือ ข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง แตกต่างจากกระเบื้องยาง LVT อย่างไร

พื้น SPC คือ อะไร SPC ย่อมาจาก (Stone Plastic Composite Flooring ) หรือที่หลายคนมักเรียกว่า กระเบื้องยาง คลิ๊กล็อค  SPC เป็นอีกประเภทหนึ่งของกระเบื้องยาง ซึ่งเรียกตามส่วนผสมการผลิต เกิดจากการผสมกันระหว่าง พลาสติกพีวีซี กับ แคลเซียมคาร์บอเนต (หินปูน) ทำให้มีคุณสมบัติพิเศษไม่ติดไฟ ลดการหดตัวได้มากกว่ากระเบื้องยางประเภทอื่น ๆ มีลวดลาย 2 แบบให้เลือก ลายหิน และ ลายไม้ ถึงแม้จะเป็นลายไม้ แต่ก็ไม่ใช่ไม้จริง ๆ ดังนั้นหมดปัญหาต่างๆ ในเรื่องของปลวก และความชื้นไปได้เลย

  • พลาสติก PVC มาพร้อมกับคุณสมบัติพิเศษในเรื่องของความเหนียว และยืดหยุดเป็นพิเศษ
  • แคลเซียมคาร์บอเนต มาพร้อมคุณสมบัติพิเศษในเรื่องของความแข็งแรงทนทาน

สำหรับในส่วนของตัวผิวด้านบนที่เป็นลวดลายต่าง ๆ มีการเคลือบด้วย Wear Layer หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ชั้นเคลือบผิว มีความหนาตั้งแต่ 0.30 มิลลิเมตร  เป็นการเพิ่มความคงทนต่อการเกิดรอยขีดขวนต่างๆได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม มาพร้อมโฟมกับวัสดุที่ช่วยให้เดินบนพื้นมีความนุ่มเบาสบาย ไร้เสียง

พื้น spc ข้อเสีย ก็มีเช่นกัน แม้จะเป็นวัสดุที่มีส่วนผสมของหินแต่ก็ยังมีพลาสติกรวมอยู่ด้วย ดังนั้นการนำไปใช้บริเวณที่ต้องโดนน้ำตลอดเวลา เช่น ปูในห้องน้ำ หรือ ระเบียงที่ไร้กันสาด ดูไม่เหมาะนัก อาจทำให้เกิดการบวมน้ำอายุการใช้งานของ แผ่น spc น้อยกว่าที่ควรจะเป็น เหมาะกับการใช้งานภายในบ้านบริเวณที่ไม่โดนน้ำท่วมขังตลอดเวลาเสียมากกว่า

 

ความแตกต่างของ กระเบื้องยาง LVT และ พื้น SPC คือ

กระเบื้องยางแบบคลิ๊คล็อคมีด้วยกัน 2 แบบ นั้นก็คือแบบ SPC และแบบ LVT ซึ่งทั้ง 2 แบบก็ใช้วัสดุในการผลิตที่แตกต่างกันไป ทำให้กระเบื้องยาง SPC และกระเบื้องยาง LVT มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน การนำไปใช้งานให้ตอบโจทย์กับงานแต่ละงานก็ไม่เหมือนกัน ซึ่งทั้ง 2 จะแตกต่างกันอย่างไรและเหมาะสมกับงานแบบไหนลองมาหาคำตอบพร้อมกันได้เลย

รายละเอียด แบบ SPC แบบ LVT
วัสดุในการผลิต ผงหินผสมพลาสติกโพลิเมอร์ เพียวพลาสติกแท้ 100 %
ทนน้ำ มีส่วนผสมของหิน ทำให้ทนน้ำได้ดีกว่ากระเบื้องยางทุกประเภท โดนน้ำได้แต่ไม่ถึงขั้นฝนสาดหรือโดนน้ำตลอดเวลา
ยืดหยุ่น ยืดหยุ่นได้น้อย มักขยายตัว เนื่องจากผสมผงหิน ยืดหยุ่นสูง โค้งงอ เข้าได้กับทุกพื้นที่ รับแรงกระแทกได้สูง
ป้องกันรอยขีดข่วน ขึ้นอยู่กับชั้นป้องกันการสึกหรอ และความหนักของการใช้งาน แบบเดียวกับ SPC
ความทนทาน แข็งแรงแต่หากรับน้ำหนักมากเกินไป อาจจะเกิดปัญหาคลิ๊กล็อกแตกหรือหักได้ ยวบตัวเข้ากับทุกพื้นที่ แม้เจอน้ำหนักมากน้อยก็ไร้ปัญหา ยกเว้นน้ำหนักมากจนเกินไป
ราคา ราคาถูกกว่าแบบ LVT ราคาสูงกว่า 50 – 100บ./ตร.ม. เนื่องจากใช้พลาสติก 100%
การติดตั้ง เว้นที่ว่างเพื่อป้องกันการขยายตัวของกระเบื้อง ต้องเก็บงานด้วยบัวเชิงผนังเสมอ ปูชิดกับผนังได้เลยเพราะกระเบื้อง LVT ไม่ขยายตัว

การใช้งานและวิธีการ ปูพื้นกระเบื้อง SPC

สำหรับกระเบื้องยาง SPC / LVT ไม่จำเป็นต้องใช้กาวในการติดตั้ง แต่เป็นตัวคลิ๊กล๊อค (click lock) ต่อกันได้เลย ต้องการมีการเตรียมอุปกรณ์สำหรับการ ใช้งานให้เรียบร้อย ซึ่งอุปกรณ์ได้แก่ ปูนสำหรับปรับพื้น, เกรียงฉาบปูนซีเมนต์, ตลับเมตร, ไม้วัดระดับน้ำ, เต้าตีเส้น, ถังผสมปูน, คัตเตอร์ หรือ เครื่องตัดกระเบื้อง, ฟองน้ำหรือผ้า

  1. หลังจากเตรียมอุปกรณ์เรียบร้อยแล้ว ต่อไป เราต้องมีการเตรียมความพร้อมให้กับพื้น โดยเริ่มจากการสำรวจพื้นว่าเป็นพื้นแบบไหน หลังจากนั้นเริ่มเคลียร์พื้นที่หน้างานให้เรียบร้อย แล้วก็วัดพื้นหน้าขนาดงาน สุดท้ายเช็คและตรวจสอบความเรียบร้อยของพื้นอีกรอบ
  2. ขั้นตอนการปู เริ่มจากเอากระเบื้องออกจากกล่องทิ้งไว้ในอุณภูมิห้องประมาณ 20-24 ชม ตรวจสอบความชื้นของพื้นไม่ให้เกิน 5 เปอร์เซ็น หลังจากนั้นเริ่มปูจากทางเข้าก่อนถึงจะดี แต่ที่สำคัญคือต้องปูไปตามแนวขนานของห้อง ปูห่างจากผนังห้องประมาณ 5 เซนติเมตร หลังจากนั้น ก็ใช้บัวเชิงผนังติดตามขอบผนัง แล้วใช้ซีโคลนยาแนวขอบอีกรอบ เพียงแค่นี้ก็จบแล้ว การใช้งานเรียบร้อยแล้ว

 

กระเบื้องยาง ปูห้องน้ำ ติดผนัง ได้ไหม

กระเบื้องยาง ปูห้องน้ำ ได้ไหม ? เวลาเราพูดถึงเรื่อง กระเบื้องปูพื้นห้องน้ำ คนส่วนใหญ่มักนึกถึงกระเบื้องเซรามิคด้วยความคุ้นเคยและคุณสมบัติหลักที่สามารถหาซื้อได้ง่าย ราคาถูก การดูแลรักษาทำความสะอาดง่าย ช่างส่วนใหญ่ก็มีความชำนาญในการติดตั้ง แต่ยุคสมัยเริ่มเปลี่ยนไปผู้บริโภคเริ่มให้ความสนใจกับสไตล์การแต่งบ้านมากขึ้น การตกแต่งห้องต่าง ๆ ก็ต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ก็เริ่มมีการใช้วัสดูปูพื้นชนิดอื่น ๆ นำมาปูพื้นห้องน้ำมากขึ้น จึงเกิดคำถามขึ้นว่า กระเบื้องปูพื้นห้องน้ำ ใช้กระเบื้องยางได้ไหม ? เพราะหลายคนเห็นคุณสมบัติที่โดดเด่นของกระเบื้องยาง ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติ ทนความร้อนได้ดี ไม่ลามไฟ ทนต่อรอยขีดข่วน ทำให้เข้าใจผิดว่า กระเบื้องยาง สามารถเอามาปูพื้นห้องน้ำได้

 

 

กระเบื้องยาง ปูห้องน้ำ ไม่ได้เพราะ …….

แม้มีความสามารถในการทนความชื้นมากกว่าวัสดุปูพื้นบางประเภท แต่กระเบื้องยางไม่สามารถทนความชื้นได้ตลอดเวลา เพราะห้องน้ำมีความเปียกชื้นอยู่ตลอด อีกทั้งยังมีคราบสบู่ ยาสระผม หรือคราบสารเคมีต่าง ๆ แม้กระเบื้องยางจะทำมาจาก PURE PVC (PVC บริสุทธิ์) หรือ โพลิเมอร์ และผู้ผลิตจะพยายามพัฒนานวัฒกรรมเพื่อตอบสนองต่อการใช้งานของผู้บริโภค จนทำให้เกิดกระเบื้องยางหลากหลายประเภท เช่น แบบทากาว, แบบคลิ๊กล็อค, แบบ LVT, แบบ SPC, แบบ BOWEN และแบบ LOOSELAY ตอบโจทย์การใช้งานอย่างครอบคลุมที่สุด แต่ก็ยังไม่สามารถตอบสนองในเรื่องของการทนความชื้นสูงได้ 100 % แต่ถ้าหากจำเป็นต้องใช้งานกระเบื้องยางจริง ๆ แนะนำให้เลือกใช้เป็นกระเบื้องอยาง SPC

กระเบื้องยาง SPC กระเบื้องยางที่เหมาะกับปูพื้นห้องน้ำ

หากต้องการวัสดุปูพื้นห้องน้ำเป็นกระเบื้องยางจริง ๆ กระเบื้องยาง SPC จะดีที่สุดในวัสดุประเภทกระเบื้องยางทั้งหมด เพราะกระเบื้องยาง SPC มีส่วนผสมของหินต่างจากกระเบื้องยางประเภทอื่น ๆ ที่มีส่วนผสมจากพลาสติก เมื่อน้ำซึมเข้าไปตัวกระเบื้องยาง SPC โมเลกุลของหินจะช่วยในการดันโมเลกุลของน้ำ ไม่ให้โมเลกุลโดยรวมของกระเบื้องยาง SPC หดตัวไปมาก ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้พื้นกระเบื้องยางเกิดการโก่ง การบวม และเกิดการกระเดิดขึ้นในที่สุด เพราะฉะนั้น กระเบื้องยาง SPC เหมาะที่สุดในบรรดากระเบื้องยางที่จะนำไปใช้เป็นวัสดุปูพื้นห้องน้ำ แต่ถ้าแนะนำจริง ๆ ไม่แนะนำให้ใช้กระเบื้องยางเป็นวัสดุปูพื้นห้องน้ำสักเท่าไหร่นัก ควรเลือกใช้วัสดุปูพื้นชนิดอื่น ๆ  สำหรับวิธีการเลือกซื้อกระเบื้องที่ใช้ในห้องน้ำสามารถเลือกดูได้จากวิธีการดังนี้

กระเบื้องปูพื้นห้องน้ำ ใช้เกณฑ์อะไรในการเลือก?

อย่างที่เราทราบกันดีว่าในห้องน้ำมีทั้งความชื้น คราบสบู่ คราบยาสระผม คราบต่าง ๆ มากมาย ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดการลื่นหกล้ม ดังนั้นการเลือกกระเบื้องในห้องน้ำ ผิวสัมผัสของกระเบื้องจะต้องไม่เรียบเนียน ควรมีผิวสัมผัสที่หยาบและสากเท้าไม่มากก็น้อย ซึ่งความสากเราจะเรียกว่าค่า R หรือ SLIP RESISTANCE RATING เรียกสั้น ๆ ว่าค่ากันความลื่น เป็นค่าที่ได้มาจากการทดสอบ RAMP TEST ที่พื้นในระดับความลาดชันต่างๆ ซึ่งกระเบื้องที่เหมาะสำหรับใช้ปูพื้นห้องน้ำต้องมีค่า R10 ขึ้นไป ยิ่งตัวเลขมากจะยิ่งกันความลื่นได้มาก ลดความเสี่ยงต่อการลื่นล้ม ทั้งยังทนทานต่อการใช้งานอย่างต่อเนื่องได้ในระยะยาว เราสามารถสังเกตค่า R ได้จากข้างกล่องกระเบื้อง หรือสอบถามพนักงาน หรือช่างผู้ติดตั้งได้

อยากปูพื้นห้องน้ำต้องเลือกกระเบื้องชนิดไหน

กระเบื้องที่เหมาะกับการปูพื้นห้องน้ำที่สุด จะเป็นกระเบื้องพื้นแกรนิตโต้เพราะกระเบื้องแกรนิตโต้มีอัตราการดูดซึมน้ำที่ค่อนข้างต่ำ มีความแข็งแรงทนทาน มีค่า R ที่ค่อนข้างสูงกันลื่นได้ดี มีความมันวาวน้อยกว่ากระเบื้องเซรามิค จะเหมาะกับการใช้งานในห้องน้ำมากที่สุด แต่จะมีข้อจำกัดในเรื่องของราคาที่ค่อนข้างสูง, น้ำหนักที่มากและการติดตั้งที่ยาก รองลงมาเป็นกระเบื้องพอร์ซเลน, กระเบื้องเซรามิก

กระเบื้องยางติดผนัง ได้ไหม ?

ส่วนคำถามที่หลายคนสงสัยว่าเราสามารถนำ กระเบื้องยางปูผนัง ได้ไหม ? แอดมินขอแจ้งเลยว่าสามารถทำได้ แต่จะมีข้อแนะนำในส่วนนี้ว่า ผนังของห้องต้องไม่มีความชื้นหรือมีความชื้นน้อยมาก ๆ เนื่องจากกระเบื้องยางที่ใช้ในการปูผนังจะใช้กาวในการยึดติดกระเบื้องยางทั้งแบบคลิ๊กล็อคและแบบไวนิลทั่วไป ดังนั้นหากมีความชื้นเนื้อกาวจะเกาะผนังไม่ได้เต็มประสิทธิภาพ และกาวที่ใช้ต้องมีความสามารถในการยึดเกาะสูง ความหนาที่เหมาะสมในการเลือกใช้กระเบื้องยางปูผนังอยู่ที่ 1.6 ถึง 4 มิล ไม่ควรเกิน 4 มิล เนื่องจากในการติดผนังตัวแผ่นของกระเบื้องยางต้องมีน้ำหนักที่น้อย

4 ขั้นตอน วิธีปูกระเบื้องยาง ด้วยตัวเอง และ ปรับพื้นก่อนปูกระเบื้องยาง

วิธีปูกระเบื้องยาง ด้วยตัวเอง สามารถทำได้ไหม ? ยากเกินไปหรือเปล่า ? เป็นคำถามที่มีผู้คนสงสัยถามเข้ามากันเยอะมาก ๆ ซึ่งแอดมินต้องบอกเลยว่า ปูกระเบื้องยางเอง นั้นสามารถทำได้ง่าย ๆ แถมยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในเรื่องของช่างไปได้มากเลยทีเดียว ซึ่งก่อนที่จะเริ่มปูกระเบื้องยางสิ่งแรกที่ควรสำรวจก่อนเลย คือ ตรวจสอบความชื้นบริเวณพื้นที่ที่ต้องการปู หากมีความชื้นตลอดเวลา อาจจะต้องตัดใจการปู กระเบื้องยาง เนื่องจากเป็นสาเหตุทำให้กระเบื้องหดตัว กาวหย่อนประสิทธิภาพ เกิดปัญหาหลังปูกระเบื้องยางในภายหลัง แต่หากไรปัญหาความชื้นก็สามารถปูกระเบื้องยางได้ ซึ่งเรามาเรียนรู้ขั้นตอนที่สำคัญก่อนทำการปูกระเบื้องยางกัน นั้นก็คือ การปรับพื้นปูกระเบื้องยาง นั้นเอง

ปรับพื้นก่อนปูกระเบื้องยาง ต้องรู้อะไรบ้าง ?

การปรับพื้นถือว่าเป็นขั้นตอนสำคัญก่อนที่จะทำการปูพื้น โดยเฉพาะหน้างานภายในอาคาร หรือ พื้นที่ต้องมีวัสดุปิดทับ เช่น ลามิเนต พื้นไม้ปาเก้ พื้นพื้นพรม รวมไปถึง กระเบื้องยาง เพื่อให้ได้พื้นผิวที่เหมาะสมกับการปูทับ และป้องกันปัญหาเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตนั่นเอง วันนี้แอดมินจึงมาให้ความรู้เทคนิคก่อนที่จะทำการปรับพื้นกันว่ามีอะไรบ้าง

คุณสมบัติของการปรับพื้นที่ดีคืออะไร ?

  1. ความเรียบเนียน เนื่องจากกระเบื้องยางส่วนใหญ่มีขนาดและวัสดุหลากหลาย จะทำมาทากาว หรือ คลิ๊กล็อคแบบไม่ต้องใช้กาว ในการปรับพื้นจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะตำแหน่งไหนที่ไม่เรียบเนียน ก็จะทำให้กระเบื้องยางเกิดความเสียหายได้ อาจไปถึงการรื้อเพื่อซ่อมแซมซึ่งเสียเวลา
  2. พื้นมีระดับเดียวกัน นอกจากความเรียบเนียนของพื้นแล้ว ระดับของพื้นก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะถึงพื้นจะเรียบเนียน แต่มีความลาดเอียง พื้นเป็นแอ่ง หรือ ไม่ได้ระดับ เวลาปูวัสดุไปจะเกิดคลื่นทำให้ไม่สวยงาม
  3. ความสะอาดของพื้น ไม่มีฝุ่นผง หรือ สิ่งสกปรก ก่อนปูกระเบื้องลงไป ไม่ว่าจะประเภทไหน ต้องสำรวจให้ดีว่ามีสิ่งแปลกปลอม สิ่งสกปรก อย่างเช่น ฝุ่นผง น็อตตะปูจากการทำงานให้ดีก่อน เพื่อป้องกันปัญหาพื้นขรุขระ ทำให้มีการรื้อพื้นซ่อมแซมเสียเวลาระหว่างวันเพิ่ม

5 ขั้นตอนการปรับพื้น ก่อนปูกระเบื้องยาง

  1. ความเรียบเนียน เนื่องจากกระเบื้องยางส่วนใหญ่มีขนาดและวัสดุหลากหลาย จะทำมาทากาว หรือ คลิ๊กล็อคแบบไม่ต้องใช้กาว ในการปรับพื้นจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะตำแหน่งไหนที่ไม่เรียบเนียน ก็จะทำให้กระเบื้องยางเกิดความเสียหายได้ อาจไปถึงการรื้อเพื่อซ่อมแซมซึ่งเสียเวลา พื้นมีระดับเดียวกัน นอกจากความเรียบเนียนของพื้นแล้ว ระดับของพื้นก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะถึงพื้นจะเรียบเนียน แต่มีความลาดเอียง พื้นเป็นแอ่ง หรือ ไม่ได้ระดับ เวลาปูวัสดุไปจะเกิดคลื่นทำให้ไม่สวยงาม ความสะอาดของพื้น ไม่มีฝุ่นผง หรือ สิ่งสกปรก ก่อนปูกระเบื้องลงไป ไม่ว่าจะประเภทไหน ต้องสำรวจให้ดีว่ามีสิ่งแปลกปลอม สิ่งสกปรก อย่างเช่น ฝุ่นผง น็อตตะปูจากการทำงานให้ดีก่อน เพื่อป้องกันปัญหาพื้นขรุขระ ทำให้มีการรื้อพื้นซ่อมแซมเสียเวลาระหว่างวันเพิ่ม
  2. ความเรียบเนียน เนื่องจากกระเบื้องยางส่วนใหญ่มีขนาดและวัสดุหลากหลาย จะทำมาทากาว หรือ คลิ๊กล็อคแบบไม่ต้องใช้กาว ในการปรับพื้นจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะตำแหน่งไหนที่ไม่เรียบเนียน ก็จะทำให้กระเบื้องยางเกิดความเสียหายได้ อาจไปถึงการรื้อเพื่อซ่อมแซมซึ่งเสียเวลา พื้นมีระดับเดียวกัน นอกจากความเรียบเนียนของพื้นแล้ว ระดับของพื้นก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะถึงพื้นจะเรียบเนียน แต่มีความลาดเอียง พื้นเป็นแอ่ง หรือ ไม่ได้ระดับ เวลาปูวัสดุไปจะเกิดคลื่นทำให้ไม่สวยงาม ความสะอาดของพื้น ไม่มีฝุ่นผง หรือ สิ่งสกปรก ก่อนปูกระเบื้องลงไป ไม่ว่าจะประเภทไหน ต้องสำรวจให้ดีว่ามีสิ่งแปลกปลอม สิ่งสกปรก อย่างเช่น ฝุ่นผง น็อตตะปูจากการทำงานให้ดีก่อน เพื่อป้องกันปัญหาพื้นขรุขระ ทำให้มีการรื้อพื้นซ่อมแซมเสียเวลาระหว่างวันเพิ่ม
  3. กรณีพื้นคอนกรีต ให้สำรวจรอยแตกร้าว : พื้นคอนกรีตก็ต้องสำรวจ เพราะพื้นคอนกรีตมีโอกาสรอยเกิดแตกร้าวจะส่งผลเสียต่อการปูกระเบื้องยาง ในการซ่อมแซมพื้นคอนกรีต แนะนำให้ใช้ปูนปรับระดับ เพราะเหมาะสำหรับงานซ่อมแซมรอยแตกร้าวหนาได้ถึง 8-35 มม. และปรับพื้นเพื่อเสริมความแข็งแรง ทนทาน เหมาะกับการปูกระเบื้องยางทุกประเภท
  4. คุณภาพของปูนปรับระดับเป็นสิ่งสำคัญ : ความละเอียดของงานอาจไม่ได้ตอบโจทย์ปัญหาภายหลังได้ ถ้าเลือกใช้ปูนที่ไม่มีคุณภาพ ควรเลือกใช้ปูนให้เหมาะสม ส่วนใหญ่เราจะเห็นการใช้ปูนเหลวเป็นหลักในการซ่อมแซม เพราะสะดวก รวดเร็ว โดยไม่คำนึงถึงคุณสมบัติของปูน สำหรับงานที่ต้องผิวหน้าปูนที่เรียบ และ ดูดซึมน้ำ ก็คงจะเป็นตัวไหนไปไม่ได้ ARDEX-X 310 ที่มีคุณสมบัติรับกำลังอัดสูงถึง 28 N/mm2 แห้งตัวได้เร็วสามารถเดินได้ภายใน 3 ชม. ขัดพื้นผิวง่าย มีความคงรูป คงตัวดี เหมาะกับงานปรับพื้นก่อนปูกระเบื้องทุกชนิด
  5. ติดตั้งกระเบื้องยาง : หลังจากทำการปรับพื้นรวมไปถึงเวลาในการแห้งตัวสำเร็จเสร็จสิ้น ให้ทำการปูกระเบื้องยางได้เลย เพื่อให้แผ่นกระเบื้องยางที่ปู ออกมาเป็นระเบียบสวยงาม

อุปกรณ์สำหรับปูกระเบื้องยาง

  • กาวขาวสำหรับติดพื้นไม้
  • กาวยาง
  • เหล็กแซะ
  • หินขัดพื้นชนิดหยาบ
  • คัตเตอร์
  • ตลับเมตร
  • ไม้กวาด
  • พัดลม
  • เชือกตีฝุ่นคลุก (บักเต้า)
  • ลูกกลิ้ง 30 – 50 กิโลกรัม
  • เกรียงลงกาว
  • ไม้ม็อบถูพื้น

วิธีปูกระเบื้องยาง ด้วยตัวเอง

  • ขั้นตอนแรก คือ ปรับพื้นให้เรียบเนียนปราศจากคราบฝุ่น คราบน้ำมัน และที่สำคัญพื้นต้องแห้ง เพื่อให้กาวทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ขั้นตอนที่ 2 กำหนดแนวห้อง จุดเริ่มในการปูหากเป็นห้องขนาดเล็ก เช่น ห้องนอน ควรเริ่มจากประตูเข้าไปด้านใน แตกต่างจากการติดตั้งห้องที่มีพื้นที่เยอะ ๆ จะเริ่มวางกระเบื้องยางแผ่นแรกที่กลางห้องแทน
  • ขั้นตอนการลงกาว การทากาวลงบนพื้นที่ติดตั้งจะเทคราวครั้งละไม่เกิน 30 ตารางเมตร หรือเทประมาณ 1 – 2 กิโลกรัม (ไม่เทครั้งเดียวจนครบพื้นที่) และใช้เกรียงหวีปาดครึ่งวงกลมรอจนกาวแห้งเปลี่ยนเป็นสีใส
  • ขั้นตอนการติดกระเบื้อง การติดกระเบื้องจะมีเทคนิคในการปูหลากหลายทั้งปูแบบก้างปลา ปูลายขัด ไม่นิยมปูกระเบื้องทับกัน หลังจากปูเสร็จจะใช้ลูกกลิ้ง กลิ้งทับกระเบื้องเพื่อให้แนบสนิทกับพื้น

กระเบื้องยาง ข้อเสีย ข้อดี มีอะไรบ้าง ? มีกี่ประเภท ให้เลือกใช้งาน?

กระเบื้องยาง ข้อเสีย ข้อดี คือ อะไร ? ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับกระเบื้องยางกันก่อน ซึ่งกระเบื้องยาง คือ วัสดุปูพื้นอีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมในยุคปัจจุบัน ผลิตจากโพลิเมอร์ อย่างโพลียูรีเทนและพีวีซี มีคุณสมบัติยืดหยุ่นสูง รองรับแรงกระแทกหรือแรงกดทับได้ดีเยี่ยม การมีชั้นผิวปกป้องสูงถึง 5 ชั้น โดยเฉพาะผิวหน้ากระเบื้องชั้นที่ 4 ซึ่งเป็นฟิล์มป้องกันรอยขีดข่วนช่วยรักษาลวดลายให้ยังคงสวยงามเหมือนใหม่อยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยีนาโนซิลเวอร์ช่วยป้องกันการเกิดเชื้อรา ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และยังเป็นวัสดุปูพื้นชนิดไม่ลามไฟอีกด้วย ส่วนใหญ่กระเบื้องยางได้รับความนิยมในการนำไปปู พื้นบ้าน คอนโด ร้านอาหาร อาคาร จะนิยมใช้เป็นกระเบื้องยางแบบแผ่น ต่างจากกระเบื้องยางแบบม้วนที่จะนิยมไปปู อาคาร สำนักงาน โรงเรียน โรงพยาบาล โรงยิม หรือบริเวณที่มีพื้นที่กว้าง ๆ แทน หรือต้องการปูพื้นที่มีรอยต่อกระเบื้องน้อย ๆ

 

ส่วนประกอบของ กระเบื้องยาง คือ อะไรบ้าง ?

กระเบื้องยางจะมี wear layer หรือ ชั้นผิวอยู่ 5 ชั้นด้วยกันเป็นส่วนประกอบหลัก ทั้งคงรูปและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดกับกระเบื้องยาง ชั้นผิวทั้ง 5 ชั้นต่างก็ทำหน้าที่แตกต่างกัน มาดูพร้อมกันเลยว่าแต่ละส่วนมีหน้าที่อะไรบ้าง

UV Coating : ชั้นแรกหรือชั้นนอกสุด ชั้นนี้เป็นชั้นผิวที่เราสัมผัสโดนเป็นชั้นที่ต้องโดนทั้งแดด ดั้งนั้นจึงต้องมีการเคลือบ สารยูวี เพื่อเพิ่มความคงทนของผิวพื้นนั่นเอง
Wear Layer : เป็นชั้นเดียวกับชั้นแรก ซึ่งมักจะโดนรอยขีดข่วนได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นการวางพื้นโต๊ะ การลากโต๊ะเป็นต้น ดั้งนั้นจึงมีชั้นนี้ขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้พื้นกระเบื้องไวนิลของเราสึกนั่นเอง
Print Color Sheet  : เป็นชั้นในส่วนของสีหรือลวดลายต่างๆ อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าว่าต้องการลายไหนทางโรงงานก็จะผลิตออกมา แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีแบบมาให้เลือก ไม่สามารถออกแบบลายเองได้
Balance Laye : ชั้นที่สี่ ถือว่าได้ว่าเป็นชั้นที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะถ้าหากใช้วัสดุไม่ดีก็จะได้ให้เสียหายได้ง่าย แต่สำหรับสินค้าของเราผลิตจาก วัสดุอย่างดี นั่นก็คือ พีวีซีบริสุทธิ์ ที่ทำให้ กระเบืองของเราไม่หด ไม่ขยายตัว และทนต่อการแตกง่ายนั่นเอง
Base Layer : ชั้นสุดท้ายเป็นชั้นที่เกาะติดยึดกับพื้นที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้หยึดติดกับพื้นได้เป็นอย่างดี ระหว่างกาว กับพื้นผิวบ้านก่อนติดตั้งนั่นเอง

กระเบื้องยาง มีกี่ประเภท

ด้วยเทคโนโลยีและกระบวนการพัฒนาจากฝั่งผู้ผลิต เพื่อให้กระเบื้องยางเป็นวัสดุทดแทน ไม้ หิน และวัสดุปูพื้นประเภทอื่น ๆ โดยตั้งใจพัฒนาให้มีความสมจริงทั้งตัวลวดลายและผิวสัมผัส แก้ไขปัญหาที่วัสดุจริงไม่สามารถตอบโจทย์ใช้งานของผู้บริโภคได้ ทำให้ทุกวันนี้กระเบื้องยางมีด้วยกันหลากหลายประเภท ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่จะเรียกตามวัสดุที่ใช้ในการผลิต ตามการใช้งาน และตามลวดลายของกระเบื้องยาง

แบ่งตามวัสดุที่ใช้ในการผลิต

  1. กระเบื้องไวนิล LVT (Luxury Vinyl Tile) กระเบื้องยางที่ผลิตจากพลาสติก 100 % มี Wear layer ชั้นบนหนาประมาณ 0.12-0.7 มม. ผิวสัมผัสกระเบื้องอ่อนโยน ไม่แข็งกระด้าง เดินสบายเท้า ยืดหยุ่นสูง ทำให้กระเบื้อง LVT รับน้ำหนักได้ดี
  2. กระเบื้องไวนิล SPC (Stone Plastic Composite) เป็นกระเบื้องที่มีส่วนผสมของหินและพลาสติก ทำให้กระเบื้องประเภทนี้ทนต่อรอยขีดข่วนได้ดี ผิวหน้ากระเบื้องเป็นรอยยาก ด้วย Wear layer ที่หนาถึง 0.3-0.55 มม. เป็นกระเบื้องยางที่ใช้งานในพื้นที่เปียกชื้นได้ดีที่สุด

แบ่งตามการใช้งาน

  1. กระเบื้องยาง ปูกาว ยังจำแนกได้อีก 2 ประเภท คือประเภทที่มีกาวในตัวมาพร้อมตัวกระเบื้องยาง ติดตั้งคล้ายสติ๊กเกอร์ลอกฟิล์มออกนำไปแปะลงบนพื้นหรือผนังได้เลย ส่วนอีกประเภทคือ แบบกาวแยก หากเลือกใช้กาวที่ดีมีประสิทธิภาพในการติดตั้ง การยึดเกาะของเนื้อกาวและกระเบื้องยางก็จะสูงตามไปด้วย การติดตั้งกระเบื้องยางปูกาวส่วนใหญ่จะปูจากด้านในออกมาด้านนอก โดยเว้นระยะขอบผนังเผื่อการยืดหดของกระเบื้อง ซึ่งสามารถใช้บัวปิดขอบผนังเก็บรายละเอียดให้สวยงามได้
  2. กระเบื้องยาง คลิกล็อค คือ กระเบื้องยางที่ติดตั้งด้วยระบบลิ้นล็อค ไม่ต้องใช้กาวในการติดตั้ง หมดปัญหาเรื่องการถูกน้ำหรือสารเคมีไม่ทำให้เนื้อกาวลดประสิทธิภาพ โดยส่วนใหญ่จะปูด้วยโฟมรองพื้นก่อนปูทับกระเบื้องยางคลิกล็อคอีกที เพื่อเป็นการป้องกันเสียงกระเบื้องกระทบพื้น กระเบื้องยางคลิกล็อคจะเริ่มต้นตั้งแต่ความหนา 4 มิลขึ้นไป
  3. กระเบื้องยางม้วน หรือ กระเบื้องยางที่ต้องใช้ลวดเชื่อมในการติดตั้ง เป็นกระเบื้องยางที่จำหน่ายเป็นม้วน 1 ม้วนปูได้ 12 ตารางเมตรขึ้นไป จุดเด่นของกระเบื้องยางประเภทนี้คือรอยต่อกระเบื้องจะน้อยกว่ากระเบื้องแผ่นทั่วไป ซึ่งรอยต่อกระเบื้องเป็นจุดที่ฝุ่นและสิ่งสกปรกเข้าไปสะสม เป็นจุดที่ยากต่อการทำความสะอาด เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหากระเบื้องกระเดิด

แบ่งตามลวดลาย

  1. กระเบื้องยาง ลายไม้ เป็นกระเบื้องที่มีลวดลายคล้ายไม้ธรรมชาติทั้งรูปลักษณ์และผิวสัมผัส ซึ่งสามารถเลือกผิวสัมผัสที่นูนหยาบเหมือนไม้จริงหรือจะเลือกเหมือนแค่เพียงรูปลักษณ์แต่มีผิวเรียบแทนก็ได้ มีความหนาตั้งแต่ 2 – 5.5 มิล
  2. กระเบื้องยาง ลายหินขัด หินอ่อน หินปูน ล้วนแล้วแต่ถูกสรรค์สร้างให้ใช้งานแทนหินจริงจากธรรมชาติทั้งสิ้น โดดเด่นด้วยน้ำหนักที่เบากว่าหินจริง ทำให้ไม่หนักโครงสร้าง แตกหักยาก และราคาที่ถูกกว่ากันหลายเท่าเลยทีเดียว มีความหนาให้เลือกตั้งแต่ 2 – 5.5 มิล
  3. กระเบื้องยาง ลายพรม เป็นกระเบื้องที่ทดแทนพรมถัก พรมทอ พรมอัดเรียบ ได้แบบหมดจด แก้ไขปัญหาเรื่องเนื้อพรมขาด ฉีก หรือหลุ่ดลุ่ยได้ง่าย กระเบื้องยางลายพรมสามารถใช้น้ำและน้ำยาทำความสะอาดเช็ดถูคราบสกปรกได้เหมือนกระเบื้องปูพื้นทั่วไป ซึ่งเป็นปัญหาที่น่าหนักสำหรับคนใช้พรมจริงปูพื้น มีความหนาให้เลือกเพียง 2 – 4 มิล
  4. กระเบื้องยางสีพื้น เป็นอีกหนึ่งประเภทของกระเบื้องยาง แต่แตกต่างแค่ตัวลวดลายที่เน้นเป็นสีพื้นเรียบหรือสีพื้นโรยลายเท่านั้น ขนาดความหนาเริ่มต้น 1.6 ถึง 3.2 มิล กระเบื้องยางสีพื้นจะมีแต่แบบทากาวเท่านั้น

กระเบื้องยาง ข้อเสีย ข้อดี คือ ?

เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ไม่ว่าอะไรก็ตามบนโลกใบนี้ย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสียด้วยกันทั้งนั้น วัสดุปูพื้นอย่าง กระเบื้องยาง ก็เช่นกัน ถึงแม้ว่า กระเบื้องยางจะมีคุณสมบัติที่ดีจนหลายคนนิยมนำมาใช้ปูพื้นบ้าน แต่ก็ยังมีข้อเสียอยู่เช่นกัน

ข้อดี

  • ทนต่อรอยขีดข่วน นี่ถือเป็นคุณสมบัติสำคัญที่ทำให้กระเบื้องยางลายไม้ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะไม่ต้องมานั่งกังวลว่าพื้นไม้ที่แสนหวงนั้นจะเป็นรอยเมื่อไหร่ ซึ่งนอกจากจะทนต่อรอยขีดข่วนแล้วยังมีพื้นผิวที่เรียบนุ่มสบายเท้าอีกด้วย
  • ลายไม้สวยคมชัด ดูเหมือนจริง กระเบื้องยางลายไม้ถูกผลิตมาเพื่อให้เหมือนธรรมชาติมากที่สุด จนบางครั้งก็แยกไม่ออกว่าเป็นไม้จริงหรือกระเบื้องยางกันแน่
  • มีความยืดหยุ่นสูง ด้วยคุณสมบัตินี้ ทำให้ กระเบื้องยาง ไม่แตกหักง่าย ใช้งานได้ยาวนานคุ้มค่าเม็ดเงินที่เสียไปอย่างแน่นอน ในขณะที่เรื่องของการซ่อมแซมก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายโดยแทบไม่ต้องง้อช่างเลยทีเดียว
  • เก็บเสียงได้ดี ปกติพื้นไม้เมื่อใช้งานไปได้ระยะหนึ่งจะเกิดเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดสร้างความรำคาญใจให้แก่เจ้าของ แต่สำหรับกระเบื้องยางลายไม้หมดปัญหาดังกล่าวไปได้เลย เนื่องจากมีคุณสมบัติเก็บเสียงได้ค่อนข้างดี จึงเหมาะเป็นตัวเลือกที่จะนำมาปูพื้นบ้านมาก
  • ทนไฟได้ดี และไม่ลามไฟ จึงช่วยลดความกังวลได้ไม่น้อย รวมถึงหากเกิดติดไฟขึ้นมาจริงๆ ก็สามารถทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย
  • สามารถซ่อมแซมได้ง่าย และไม่ทิ้งร่องรอยไว้ให้ดูต่างหน้า

ข้อเสีย

  • กระเบื้องยางลายไม้เมื่อใช้ไปนานๆ จะเกิดการหดตัวจนทำให้เห็นขอบกระเบื้องเป็นร่อง ซึ่งจะทำให้พื้นดูไม่สวยงามนั่นเอง
  • ขนาดของกระเบื้องอาจไม่เท่ากัน ซึ่งมักจะพบใน กระเบื้องยางลายไม้ที่ไม่ค่อยมีคุณภาพ ซึ่งทำให้มีปัญหาในการติดตั้งบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรมากมายสามารถแก้ไขได้อย่างง่ายๆ ด้วยเลือกซื้อ กระเบื้องยางลายไม้ที่มีคุณภาพสูง และตรวจสภาพของกระเบื้องให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ
  • กรณีที่ต้องติดตั้งในพื้นที่ที่ราบหรือมีความสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันปัญหาหลังการใช้งาน ซึ่งส่วนใหญ่จะพ่วงกับการปรับพื้น สกริมผิวหน้าเดิมให้เรียบ ถ้าพื้นเดิมผิวค่อนข้างแย่ อาจต้องเซลฟ์พื้นหรือปรับระดับพื้น
  • กระเบื้องยางไม่ทนทานต่อน้ำและสารเคมี ดังนั้นการใช้งานภายในห้องน้ำ ภายนอกอาคาร หรือ ระเบียงที่โดนน้ำหรือฝนสาดเป็นประจำ อายุการใช้งานจะน้อยลงกว่าปกติ

กระเบื้องยาง ปูภายนอก ได้ไหม

กระเบื้องยาง ปูภายนอก ได้ไหม ? ควรเลือกใช้กระเบื้องแบบไหนดี ? ลูกค้าหลายท่านบอกมาว่า “อยากจะปูกระเบื้องยางภายนอก” แต่ก็เป็นกังวลเรื่องอายุการใช้งานที่จะตามมา อาจจะเคยได้ยินคำว่า กระเบื้องยางไม่ทนแดด กระเบื้องยางไม่ทนน้ำ ไม่ทนต่อสภาพอากาศ หากติดตั้งไปก็จะเกิดการหดตัวของกาวบ้าง อะไรบ้าง กระเบื้องยางจึงถูกออกแบบมาหลายลักษณะ อย่างเช่น แบบทากาว แบบมีกาวในตัว หรือ แบบคลิกล็อค แต่ละแบบมีคุณสมบัติการใช้งานที่แตกต่างกัน บางอันเหมาะสมในงานแบบนี้ บางอันเหมาะกับแบบนี้ จึงมีการถกเถียงถึงปัญหาเกี่ยวกับการติดตั้งในงานของกระเบื้องยาง

 

กระเบื้องยาง ปูภายนอก ได้ไหม ?

ส่วนการที่จะใช้กระเบื้องยางในการปูภายนอก จะสามารถปูได้ไหม ? คำตอบบคือไม่สามารถปูได้ เพราะกระเบื้องยางส่วนผสมหลักเป็น พลาสติก PVC จะมีความอ่อนโยนมากไม่เหมาะกับการปูภายนอก ยิ่งหน้าฝนหากโดนฝนสาด ฝนกระเซนเป็นประจำ จะทำให้กระเบื้องยางหดตัวไวกว่าปกติ ยิ่งเป็นกระเบื้องยางแบบทากาวเนื้อกาวจะหลุดร่อนเร็ว ประสิทธิภาพในการยึดติดพื้นกับกระเบื้องยางจะลดลงไว เวลาที่กระเบื้องยางตากแดดเป็นเวลานานด้วยความที่เป็นพลาสติกจะกรอบและแห้งกรานไว อายุการใช้งานจะน้อยกว่าปูภายใน

แต่ถ้าหากจำเป็นต้องใช้งาน กระเบื้องยาง ภายนอก หรือ ในห้องน้ำ จริง ๆ แนะนำ กระเบื้องยางแบบคลิกล็อค ที่เป็น พื้น SPC แทนด้วยคุณสมบัติที่มีส่วนผสมของหินอยู่ในตัว เวลาที่โดนน้ำ โดนฝน อัตราการซึมผ่านผิวกระเบื้ออง SPC จะน้อยกว่ากระเบื้องยางทั่วไป การติดตั้งก็ใช้ระบบคลิ๊กล็อคแทนการทากาว ดังนั้นไม่มีผลกับการร่อนหรือหลุดลอก แต่แน่นอนว่าพื้น SPC ก็มีส่วนผสมของพลาสติกด้วยเช่นกัน ดังนั้น อายุใช้งานก็จะน้อยกว่าการใช้งานภายในบ้านแน่นอน

สำหรับเพื่อน ๆ ที่ชอบ “รักในการตกแต่งบ้าน รักในความเป็นงานไม้” อยากจะปูพื้นภายนอกบ้าง แต่ก็กลัวว่าจะไม่ทนต่อสภาพอากาศ แอดมิน แนะนำให้ใช้เป็น กระเบื้องประเภทอื่น หรือ ไม้เทียมปูพื้น ฯลฯ แทน เพราะมีคุณสมบัติที่ออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานภายนอกได้ดีกว่า ยิ่งคุณสมบัติที่ทนกับสภาพอากาศยิ่งเหมาะสมกับงานมากกว่า

 

6 วัสดุปูพื้นภายนอก ที่นิยมใช้งาน

เพื่อให้เห็นถึงคุณสมบัติการใช้งานจริง ๆ ทางเราจึงได้จัดทำการทดสอบคุณสมบัติต่าง ๆ ทั้งการทดลองใช้ไฟแช็คจุดเผาผนังสำเร็จรูปเพื่อทดสอบการติดไฟและการลามไฟจะเป็นจริงอย่างที่แอดมินได้กล่าวไว้หรือเปล่า นอกจากนี้ยังมีการทดลองทดสอบความแข็งแรงคงทนของตัวผนังและการทำความสะอาดเช็ดถูคราบสกปรกที่ฝังลึกเช่นกัน เพื่อให้เพื่อน ๆ ได้เห็นถึงคุณสมบัติผนัง MC’s Wall เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับติดตั้ง ผนังตกแต่งบ้าน

  1. พื้นไม้เทียม เป็นวัสดุปูพื้นที่ทดแทการใช้งานไม้จริง ๆ ด้วยรูปลักษณ์ ลวดลาย และผิวสัมผัสที่เสมือนไม้จริง แต่ตอบโจทย์การใช้งานที่มากกว่าเดิม ทั้งเรื่องของความแข็งแรง ทนทาน สามารถใช้งานเป็นโครงสร้างได้ดีทีเดียว การทนต่อน้ำและแสงแดดได้ดี ทำให้ในปัจจปัจจุบันมีการใช้งานไม้เทียมเพื่อปูพื้นภายนอก พื้นสระว่ายน้ำ พื้นระเบียง กันอย่างมากมาย
  2. กระเบื้องเซรามิก เป็นอีกหนึ่งทางเลือกปูพื้นภายนอกที่คนนิยมเลือกใช้งาน ด้วยราคาที่ค่อนข้างถูกและหาซื้อได้ง่ายกว่ากระเบื้องประเภทอื่น ๆ ข้อควรระวังสำหรับการใช้งานภายนอกต้องเลือกกระเบื้องเซรามิคที่มีคะแนน PEI ที่สูงหน่อย ช่วยบ่งชี้ว่ามีความแข็งแรงที่เพียงพอกับงานพื้นด้านนอก
  3. หญ้าเทียม หากชื่นชอบงานตกแต่งด้วยต้นไม้ใบหญ้า นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับงานปูพื้นภายนอกที่สะท้อนถึงความเป็นธรรมชาติได้ดีทีเดียว  ไม่ต้องกังวลเรื่องของความแข็งแกร่ง ทนทาน แบบกระเบื้องว่าจะแตกหรือหักง่ายไหม ไม่ต้องใส่ใจหรือค่อยเฝ้าดูแลรักษาเหมือนหญ้าจริง ที่ต้องมั่นรดน้ำ ตัดไม้ ตัดใบ หรือเก็บกวาดทุกวัน
  4. หินแกรนิต งานตกแต่งหินธรรมชาติที่มีความแข็งแรงทนทานค่อนข้างสูง เป็นวัสดุระดับพรีเมี่ยม สะท้อนความงาม ความเป็นธรรมชาติผ่านเนื้อหิน การดูแลรักษาก่อนเลือกใช้งานหินแกรนิตสำหรับปูพื้นภายนอก ต้องปิดร่อง หรือ ยาแนว รอยต่อ หรือ บริเวณที่เป็นร่องอย่างดี เพราะหินแกรนิตเนื้อจะค่อนข้างพรุน ต้องปิดรอยเพื่อป้องกันน้ำซึม
  5. กระเบื้องซีเมนต์ กระเบื้องคอนกรีต เป็นกระเบื้องที่ได้รับความนิยมในการใช้ปูพื้นภายนอก ด้วยผิวหน้ากระเบื้องที่ค่อนข้างหยาบและมีสีซีเมนต์ หรือ สีคอนกรีีต ทำให้เก็บฝุ่น หรือ ซ่อนฝุ่น ได้ดีกว่าวัสดุปูพื้นประเภทอื่น ๆ ช่วยให้พื้นดูสกปรกยากกว่าพื้นทั่วไป ง่ายกับการดูแลรักษา
  6. บล็อกปูพื้น เป็นวัสดุปูพื้นที่ภายนอกที่มีความแข็งแรง ทนทาน อายุใช้งานยาวนาน กว่าวัสดุประเภทอื่น ๆ บล็อกปูพื้น มีหลายรูปลักษณ์ ทำให้เทคนิคการปูพื้นสามารถปรับแต่งรูปแบบได้หลากหลาย จะปูสลับด้วยแผ่นบล็อกปูทางเท้า หรือ ปูขัดด้วยบล็อกตัวนอน หรือ ปูให้หญ้าขึ้นแทรกแสมด้วยบล็อกปูหญ้า ก็ได้เช่นกัน

 

วิธี คำนวณ พื้นที่ ตรม หาปริมาณ กระเบื้อง แบบง่าย ๆ

คำนวณ พื้นที่ ไม่เป็น ? เชื่อว่าหลายคนที่เข้ามาอ่านจะต้องประสบปัญหาเดียวกันนี้แน่ ๆ อยากตกแต่งต่อเติมพื้นห้อง แต่ติดที่ไม่รู้ สูตรหาพื้นที่ ไม่รู้ วิธีคิด คำนวณหา ตารางเมตร ไม่รู้ว่าจะต้องซื้อกระเบื้องจำนวนเท่าไหร่ถึงจะใช้ได้พอดีกับพื้นที่ห้อง บางคนไปซื้อเองโดยไม่มีความรู้หรือสอบถามช่างก่อน ซื้อ กระเบื้อง ขาดไม่พอกับการใช้งานก็ต้องกลับไปซื้อใหม่ เผลอ ๆ ซวยหนัก แบบลายกระเบื้องที่ซื้อไปก่อนหน้านี้ของหมดก็ต้องรอเวลาร้านเอามาลงใหม่อีก แต่ก็ยังไม่แย่เท่ากับการซื้อเกิน นอกจากสิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุแล้ว ยังต้องหาที่เก็บให้รกบ้านอีก สำหรับวันนี้เราจึงมี วิธีคิดตารางเมตร สำหรับปูพื้นกระเบื้องมาฝากกันครับ เพื่อให้คุณซื้อกระเบื้องได้พอดิบพอดีไม่เหลือไม่ขาด รับรู้ต้นทุนและประมาณค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ ก่อนการตกแต่งต่อเติม

คำนวณ พื้นที่ เป็น ตารางเมตร หาจำนวน กระเบื้อง ที่ต้องใช้ปูพื้นแบบง่าย ๆ

คำนวณ พื้นที่ หน่วย คือ ตารางเมตร

ก่อนที่จะไปเลือกซื้อกระเบื้อง ลำดับแรกที่เราจำเป็นต้องทราบคือ หน่วยของพื้นที่ใช้สอย ซึ่งหน่วยนี้เรียกว่า ตรม โดยปกติที่อยู่อาศัยจะมีการแจ้งว่ามีพื้นที่ใช้สอยทั้งหมดกี่ตารางเมตร ซึ่งหน่วยตารางเมตรเกิดจากด้านกว้างและด้านยาวของพื้นที่นำมาคูณกันก็จะได้พื้นที่ทั้งหมด (ตารางเมตร) เมื่อทราบตารางเมตรของพื้นที่ที่ต้องการแล้ว จึงจะสามารถคำนวณการซื้อกระเบื้องได้อย่างถูกต้อง

 

หลักการ
( พื้นที่ทั้งหมด = ด้านกว้าง X ด้านยาว )

 

ยกตัวอย่าง เช่น ห้องนั่งเล่นกว้าง 10 เมตร ยาว 10 เมตร คำนวณพื้นที่เป็นตารางเมตร เท่ากับ กว้าง (W) 10 x ยาว (H) 10 = ห้องนั่งเล่นมีพื้นที่ 100 ตารางเมตร (m2) ต้องการปูพื้นใหม่ทั้งหมด โดยสนใจ กระเบื้องยางลายไม้ MC-BF ซึ่ง 1 กล่อง สามารถปูได้ 5 ตารางเมตร (m2) สามารถหาปริมาณกระเบื้องที่ต้องซื้อได้โดยเอาพื้นที่ที่ต้องการปู (100) ÷ จำนวน ตารางเมตรต่อกล่อง (5) = 20 ซึ่งเป็นปริมาณกล่องที่จำเป็นต้องซื้อ แต่โดยปกติแล้วห้องส่วนใหญ่จะมีพื้นที่กว้าง  x  ยาวไม่เท่ากัน  ดังนั้น พื้นที่ทั้งหมดเลขจะไม่กลมเหมือนตัวอย่าง หากพื้นที่ที่ต้องการปู ÷ จำนวน ตารางเมตรต่อกล่องแล้วเหลือเศษให้ปัดขึ้นทันที นอกจากนี้การเลือกซื้อกระเบื้องควรเลือกซื้อเผื่อ 3-5 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ใช้งาน สำหรับใช้ซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดหรือตกแต่งเพิ่มเติม

VDO วิธีคิด สูตรหาพื้นที่ห้อง

เพื่อให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ ทุกคน เข้าใจในการหาพื้นที่สำหรับปูกระเบื้องได้อย่าง่ายดาย ทางเราได้จัดทำเป็น VDO เพื่อประกอบการเรียนรู้ โดยมีรายละเอียดการสอนในเนื้อหา หาพื้นที่ หา ตรม. จาก กว้าง x ยาว นอกจากนี้ยังมีการหาพื้นที่รูปแบบ ด้าน x ด้าน การหาพื้นที่รูปแบบสามเหลี่ยม และการหาพื้นที่รูปแบบพิเศษ อีกด้วย เพื่อให้เข้ากับพื้นที่หน้างานและการคำนวนที่แตกต่างกันไป

คำนวนตารางเมตร สำหรับปูกระเบื้องและการหาค่าใช้จ่าย

ตัวอย่างการใช้งาน  โปรแกรมคํานวณตารางเมตร

หัวข้อ รูปแบบ One or multiple rooms เลือก One room/area
หัวข้อ รูปแบบ เลือก Rectangle
หัวข้อ กว้าง / ยาว ในที่นี่ผมจะกำหนดห้องกว้าง 10 (m) และยาว 5 (m)
หัวข้อ ปริมาณ เลือก 1 (เลือกปูห้องนอน 1 ห้อง)
หัวข้อพื้นที่ตารางเมตร ระบบคำนวนพื้นที่ตารางเมตรออกมาเป็น 50 ตร.ม.
หัวข้อ ราคาต่อตารางเมตร ในที่นี้ผมสนใจกระเบื้องยางลายไม้ MC-M ซึ่งมีราคา 1,150 ต่อกล่อง 1 กล่องสามารถปูได้ 5 ตร.ม. เอาราคา 1,150 ÷ 5 จะได้กระเบื้องยางลายไม้ MC-M 230 บาทต่อตารางเมตร นำกรอกในหัวข้อ ราคาต่อตารางเมตร
หัวข้อ ราคารวม ระบบจะคำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมดออกมาเป็น 11,500 บาท โดยคิดเป็นราคาต่อตารางเมตรไม่ใช่ราคาต่อกล่อง
กรณีอยากคิดราคาต่อกล่อง นำตาราเมตรที่ได้ในที่นี้พื้นที่ห้องนอนของผมคือ 50 ตร.ม. ÷ 5 คือ ตร.ม. ต่อกล่องของกระเบื้องยางลายไม้ MC-M จะได้จำนวนกล่องที่ต้องใช้  = 10 กล่อง x ด้วยราคากล่องในที่นี้คือ 1,150 เท่ากับต้องซื้อ 10 กล่องในราคา 11,500 บาท
Back to Top

นโยบายการคืนเงิน

เงื่อนไขการคืนเงิน

  1. กรณีลูกค้าเลือกชำระด้วยบัตรเครดิต

1.1 หากมีการยกเลิกรายการก่อนทำการบรรจุสินค้าลงกล่อง ทางบริษัทฯ จะทำการคืนวงเงินกลับไปยังบัญชีบัตรเครดิตภายในวันทำการถัดไป

1.2 กรณีที่มีการคืนสินค้าหลังได้รับสินค้าเรียบร้อยแล้ว ทางบริษัทฯ จะทำการปรับปรุงคืนวงเงินไปยังบัญชีบัตรเครดิต หรือ Paypal ของลูกค้าภายใน 14 วันทำการนับจากวันที่บริษัทฯ ได้ทำการตรวจสอบและยืนยันการรับคืนสินค้า

  1. กรณีลูกค้าชำระด้วยวิธีการอื่น ๆ นอกเหนือจากข้อ 1

2.1 สำหรับรายการที่มีมูลค่าไม่เกิน 1,000 บาท ทางบริษัทฯ จะทำการโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ของลูกค้า ภายใน 3 วันทำการนับจากวันที่บริษัทฯ ได้ทำการตรวจสอบและยืนยันการรับคืนสินค้า

2.2 สำหรับรายการที่มีมูลค่ามากกว่า 1,000 บาทขึ้นไป ทางบริษัทฯ จะทำการโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ของลูกค้า ภายใน 5 วันทำการนับจากวันที่บริษัทฯ ได้ทำการตรวจสอบและยืนยันการรับคืนสินค้า

เงื่อนไขการรับประกัน

บริษัทฯ รับประกันสินค้าเป็นเวลา 1 ปี นับจากวันที่ซื้อสินค้า และมีเงื่อนไขและข้อกำหนดดังนี้

  1. ภายใต้ระยะเวลาของการรับประกัน บริษัทฯ อาจทำการซ่อมหรือเปลี่ยนสินค้าตัวใหม่ให้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัทฯ
  2. หลังจากซ่อมหรือเปลี่ยนสินค้า การนับระยะเวลารับประกันจะเริ่มนับต่อเนื่องจากที่เหลืออยู่
  3. บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการคิดค่าใช้จ่ายในการซ่อมหรือเปลี่ยนสินค้า โดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ ของบริษัทฯ
  4. สินค้าที่ส่งเคลม จำเป็นต้องทิ้งไว้เพื่อตรวจสอบความบกพร่องหรืออาการเบื้องต้นก่อน
  5. บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบต่อสินค้าที่เสียหายที่อยู่นอกข่ายการรับประกัน หรือ สินค้าที่หมดประกันแล้ว

การรับประกันที่ถือเป็นโมฆะตามเงื่อนไข

  1. สินค้าไม่มี void รับประกันของบริษัทฯ หรือไม่มีหมายเลขเครื่องสินค้า (S/N) หรือสติ๊กเกอร์ของบริษัทฯหรือหลักฐานที่แสดงว่าเป็นสินค้าของบริษัทฯ
  2. สินค้าที่เกิดความเสียหายจากการดัดแปลงแก้ไขหรือซ่อมแซม โดยบุคคลที่ไม่ได้รับมอบหมายจากบริษัทฯ การแกะ/ชำแหละ/ดัดแปลงแปลงแก้ไขโดยผู้ใช้
  3. สินค้าที่เกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุ น้ำ อาหาร ความชื้น อุณหภูมิที่สูงหรือต่ำเกินไป
  4. สินค้าที่เสียหายจากการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง เช่น การติดตั้งผิดพลาด การตกกระแทกแตกหักเสียหาย สัตว์เลี้ยงกัดแทะ ฯลฯ มีผลให้สินค้าเสียหาย เป็นต้น

นโยบายความเป็นส่วนตัว

บริษัทฯ จะพยายามอธิบายผลิตภัณฑ์ให้ถูกต้อง ตรงกับความเป็นจริงมากที่สุด อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ไม่สามารถยืนยันได้ว่าคำบรรยายผลิตภัณฑ์บนเว็บไซต์จะปราศจากข้อผิดพลาดทั้งมวล ดังนั้นหากท่านไม่พอใจในสินค้า หรือเห็นว่าไม่ตรงกับคำบรรยาย บริษัทฯ ยินดีที่จะรับคืนสินค้า (ตามเงื่อนไขการเปลี่ยน คืนสินค้า) เช่นเดียวกัน บริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะแสดงรูปภาพสินค้าที่มีสีที่ถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริง แต่สีที่แสดงบนหน้าจอของท่านอาจผิดเพี้ยนได้ตามการตั้งค่าของหน้าจอ คอมพิวเตอร์ที่แตกต่างกันไป

  1. การป้องกันการฉ้อโกง
    บริษัทฯ มีกระบวนการตรวจสอบการฉ้อโกงหรือการกระทำที่ผิดกฎหมาย บริษัทฯมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธหรือระงับคำสั่งซื้อ หากตรวจพบบัญชีที่มีประวัติการฉ้อโกง และฝ่ายบริการลูกค้าของบริษัทฯ อาจติดต่อท่านผ่านทางโทรศัพท์เพื่อให้ท่านยืนยันคำสั่งซื้อได้ บริษัทฯ อาจยกเลิกบัญชีของผู้ใช้บริการ หากตรวจพบการฉ้อโกงหรือพฤติกรรมที่ผิดกฎหมาย บริษัทฯ บังคับใช้นโยบายดังกล่าวเพื่อปกป้องผู้ใช้บริการของเรา รวมทั้งบริษัทฯ เองจากการถูกต้มตุ๋น หลอกลวง หรือการกระทำที่ผิดกฎหมาย
  2. ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ
    บริษัทฯ ยินดีรับความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากท่านเกี่ยวกับเว็บไซต์ สินค้าและบริการของบริษัทฯโดยความคิดเห็นและข้อเสนอแนะดังกล่าวจะไม่ถือเป็นความลับ และอาจถูกนำไปใช้ ดัดแปลง ทำซ้ำ และเผยแพร่ได้เพื่อจุดประสงค์ใดๆ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะไม่เชื่อมโยงชื่อนามสกุลของท่านกับความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของท่าน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากท่านก่อนเว้นแต่ในกรณีที่เป็นการขัดต่อข้อกฎหมายเท่านั้น

นโยบายการจัดส่ง

บริษัทฯ ยินดีรับเปลี่ยนหรือคืนสินค้าภายใน 14 วันหลังจากการสั่งซื้อ ตามกรณีดังต่อไปนี้

  1. ในกรณีที่ทางบริษัทฯจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าผิดจากรายละเอียดจากการยืนยันการสั่งซื้อครั้งล่าสุดจากทางบริษัท ทางบริษัทฯ ยินดีที่จะรับเปลี่ยนและจัดส่งสินค้าที่ถูกต้อง ให้กับลูกค้าใหม่ภายใน วันทำการ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ
  2. ในกรณีที่มีปัญหาจากตัวสินค้าชำรุดเสียหายเนื่องจากการผลิต หรือสินค้าเกิดความเสียหายเนื่องจากการขนส่งจากทางบริษัท ทางบริษัทฯยินดีที่จะรับเปลี่ยนและจัดส่งสินค้าที่ถูกต้อง ให้กับลูกค้าใหม่ภายใน วันทำการ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ