หน้าแรก
สินค้า
แชทไลน์

banner

แผ่นเมทัลชีท คือ อะไร ทำไมจึงมีหลายคนนิยมในการเลือกใช้วัสดุเมทัลชีทมาทำใช้ในการก่อสร้างและนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆมากมาย แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเลือกใช้วัสดุเมทัลชีได้รับความนิยมสูงมากในยุคปัจจุบัน โดยเฉพราะการนำแผ่นเมทัลชีท มาใช้เป็นวัสดุในการทำบ้านสไตล์ Modern ที่ต้องการความเรียบแบน มีความชันของหลังคาต่ำนั้นเอง

แผ่นเมทัลชีท คือ อะไร มี ข้อดี ข้อเสีย อย่างไร

แผ่นเมทัลชีท คือ อะไร ทำไมจึงมีหลายคนนิยมในการเลือกใช้วัสดุเมทัลชีทมาทำใช้ในการก่อสร้างและนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆมากมาย แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเลือกใช้วัสดุเมทัลชีได้รับความนิยมสูงมากในยุคปัจจุบัน โดยเฉพราะการนำแผ่นเมทัลชีท มาใช้เป็นวัสดุในการทำบ้านสไตล์ Modern ที่ต้องการความเรียบแบน มีความชันของหลังคาต่ำนั้นเอง

แผ่นเมทัลชีท คือ อะไร

แผ่นเมทัลชีทคือ แผ่นโลหะเป็นแผ่นโลหะแบนบางที่ใช้กันทั่วไปในอุตสาหกรรมและการใช้งานต่างๆ โดยทั่วไปจะทำจากวัสดุเช่นเหล็ก อลูมิเนียม หรือทองแดง เมทัลชีท มีหลายขนาด ความหนา และผิวเคลือบที่แตกต่างกัน และสามารถตัด งอ หรือขึ้นรูปเป็นรูปทรงต่างๆ  ได้อย่างง่ายดาย มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในการก่อสร้าง การผลิตยานยนต์ การบินและอวกาศ และอุตสาหกรรมอื่นๆ  อีกมากมาย

การใช้งานและลักษณะทั่วไปของแผ่นเมทัลชีท

การก่อสร้าง: แผ่นเมทัลชีทมักใช้ในการก่อสร้างมุงหลังคา ผนังและหุ้ม ให้ความทนทานและทนทานต่อสภาพอากาศ ทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับทั้งอาคารที่พักอาศัยและอาคารพาณิชย์

การผลิต:  แผ่นเมทัลชีทถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักร และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พวกเขาสามารถตัด งอ และขึ้นรูปเป็นส่วนประกอบได้หลากหลาย

ยานยนต์: ในอุตสาหกรรมยานยนต์  แผ่นเมทัลชีทถูกนำมาใช้เพื่อสร้างแผงตัวถังรถยนต์ ส่วนประกอบแชสซี และองค์ประกอบโครงสร้างอื่นๆ เนื่องจากความแข็งแรงและขึ้นรูปได้

การบินและอวกาศ: การใช้งานด้านการบินและอวกาศมักต้องใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรง แผ่นอลูมิเนียม แผ่นเมทัลชีทและไทเทเนียมมักใช้ในการก่อสร้างเครื่องบินและยานอวกาศ เนื่องจากมีอัตราส่วนความแข็งแรงต่อน้ำหนักสูง

ศิลปะและการตกแต่ง: ศิลปินและช่างฝีมือใช้แผ่น แผ่นเมทัลชีทเพื่อการตกแต่ง เช่น การสร้างประติมากรรม งานศิลปะบนผนัง และลักษณะทางสถาปัตยกรรม โลหะ เช่น ทองเหลืองและทองแดงสามารถขัดเงาให้มีความเงางามสูงและใช้เพื่อความสวยงามได้

เครื่องครัวและเครื่องใช้: แผ่นสแตนเลสและอลูมิเนียมถูกนำมาใช้ทำเครื่องครัว เครื่องใช้ และเครื่องใช้ในครัว เนื่องจากมีความทนทานต่อการกัดกร่อนและการนำความร้อน

อิเล็กทรอนิกส์:  แผ่นเมทัลชีทบางๆ มักเรียกว่าฟอยล์โลหะ ถูกนำมาใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับส่วนประกอบต่างๆ เช่น ตัวเก็บประจุ และแผงวงจรพิมพ์ (PCB) ฟอยล์เหล่านี้สามารถแกะสลักเพื่อสร้างวงจรที่ซับซ้อนได้

การผลิตพลังงาน: แผ่นเมทัลชีทสามารถนำมาใช้ในการก่อสร้างแผงโซลาร์เซลล์ ใบกังหันลม และส่วนประกอบอื่นๆ ในภาคพลังงานหมุนเวียน

ข้อดีของเมทัลชีทได้แก่:

  1. ความทนทาน: แผ่นเมทัลชีทขึ้นชื่อในด้านความแข็งแรงและความทนทาน ทำให้ทนทานต่อการสึกหรอ
  2. ความหลากหลาย: แผ่นเมทัลชีทสามารถขึ้นรูปเป็นรูปทรงและขนาดต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย
  3. ทนความร้อนและไฟ: แผ่นเมทัลชีทมีจุดหลอมเหลวสูงและไม่ติดไฟ ทำให้แผ่นเมทัลชีทเป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับโครงสร้างทนไฟ
  4. ความต้านทานการกัดกร่อน: แผ่นเมทัลชีทมีความต้านทานการกัดกร่อนตามธรรมชาติ ทำให้แผ่นเมทัลชีทเหมาะสำหรับกลางแจ้งหรือสภาพแวดล้อมที่ชื้น
  5. ความสามารถในการรีไซเคิล: แผ่นเมทัลชีทสามารถรีไซเคิลได้สูง จึงเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ข้อเสียของแผ่นเมทัลชีท ได้แก่:

  1. ราคา: แผ่นเมทัลชีทอาจมีราคาแพงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับวัสดุอื่นๆ
  2. น้ำหนัก: แผ่นเมทัลชีทอาจมีน้ำหนักมาก ซึ่งอาจต้องมีการรองรับโครงสร้างเพิ่มเติมระหว่างการติดตั้ง
  3. การส่งผ่านสัญญาณรบกวนแผ่นเมทัลชีทสามารถส่งผ่านการสั่นสะเทือนของเสียง ส่งผลให้ระดับเสียงรบกวนภายในโครงสร้างเพิ่มขึ้น ฉนวนที่เหมาะสมสามารถช่วยบรรเทาปัญหานี้ได้
  4. การบำรุงรักษา: แม้ว่าแผ่นเมทัลชีทโดยทั่วไปจะมีความทนทาน แต่แผ่นเมทัลชีทบางประเภทอาจต้องมีการบำรุงรักษาเป็นประจำเพื่อป้องกันการกัดกร่อนหรือความเสียหาย

สีกันสนิม คือ อะไร เลือกใช้อย่างไรถูก

สีกันสนิม คือ อะไร เลือกใช้อย่างไรดี ? บางคนเลือก สีกันสนิม ที่มีราคาแพงที่สุด เพราะเข้าใจว่าจะช่วยให้งานเหล็กทนทาน และบางคนก็เลือกสีกันสนิมที่มีราคาถูกที่สุด เพราะคิดว่า ยังไงเดี๋ยวก็ต้องทาสีจริงทับลงไป ทั้งสองความคิดนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่จะดีกว่าไหม ถ้าเราจะเลือกใช้สีกันสนิมตามความเหมาะสม เพื่อไม่ให้ต้องจ่ายเงินมากเกินไปโดยใช่เหตุ หรือจ่ายเงินถูก แต่ต้องทาซ่อมทาซ้ำหลายครั้งกลายเป็นจ่ายแพงโดยไม่รู้ตัว

สีกันสนิม คือ อะไร

สีทาเหล็กที่ถูกทาเป็นชั้นรองพื้น โดยชื่อเรียกเต็มๆ นั้น เราจะเรียกกันว่า สีรองพื้นกันสนิม ประกอบด้วยสารเติมแต่งพิเศษที่สร้างกำแพงกั้นระหว่างพื้นผิวโลหะกับสิ่งแวดล้อมโดยรอบ ป้องกันไม่ให้ความชื้นและออกซิเจนเข้าถึงโลหะและทำให้เกิดสนิม สีกันสนิมมักใช้กับพื้นผิวโลหะ เช่น เหล็ก เหล็กกล้า และอะลูมิเนียม และช่วยยืดอายุการใช้งานของโลหะโดยยับยั้งการก่อตัวของสนิม สีกันสนิมสามารถใช้กับพื้นผิวที่เป็นเหล็กหรือโลหะในงานต่าง ๆ เช่น รถยนต์, อาคาร, สะพาน, เสาเคเบิล, เรือ, เครื่องจักร, และอื่น ๆ ที่ต้องควบคุมการเกิดสนิมเพื่อลดการสึกหรอกและเพิ่มอายุการใช้งานของวัตถุนั้น สีกันสนิมมักจะมีส่วนประกอบที่ช่วยให้มีความยืดหยุ่นเมื่อพื้นผิวของวัตถุเปลี่ยนแปลงหรือเคลื่อนไหว ซึ่งช่วยลดการแตกร้าวหรือหลุดร่องของสีในกรณีที่มีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องนอกจากนี้ สีกันสนิมยังทำหน้าที่ช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะของสีจริง หรือที่ช่างเรียกว่า สีทับหน้า กับพื้นผิวเหล็กอีกได้อีกด้วย

การเลือกใช้งานสีกันสนิม

การเลือกใช้งานสีกันสนิมเกิดขึ้นตามความต้องการและสภาพแวดล้อมของวัตถุหรือโครงสร้างที่ต้องการป้องกันการสนิม การเลือกใช้งานสีกันสนิมที่เหมาะสมนั้นควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้

  1. ประเภทของวัตถุ: พิจารณาว่าวัตถุที่ต้องการป้องกันสนิมเป็นโลหะหรือวัตถุอื่น ๆ เช่น ไม้, เหล็ก, เหล็กกล้า, อลูมิเนียม เป็นต้น เนื่องจากสีกันสนิมที่เหมาะสมอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับวัตถุที่ต้องการใช้งาน
  2. สภาพแวดล้อม: พิจารณาสภาพแวดล้อมที่วัตถุจะอยู่ในนั้น เช่น ปริมาณความชื้น, อุณหภูมิ, สภาพอากาศ, และความเครียดต่อการใช้งาน เพื่อเลือกสีกันสนิมที่มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมนั้น
  3. ประสิทธิภาพ: ควรคำนึงถึงประสิทธิภาพของสีกันสนิมว่าสามารถป้องกันสนิมได้ดีและใช้งานได้นานแค่ไหน โดยควรตรวจสอบความทนทานต่อสภาพอากาศและสภาพแวดล้อมในการเลือกสี
  4. ราคา: พิจารณางบประมาณที่มีในการใช้สีกันสนิม เนื่องจากสีกันสนิมที่มีความประสบการณ์ดีและมีความทนทานอาจมีราคาสูงกว่าสีทั่วไป
  5. การทำงานและการติดตั้ง: ควรตรวจสอบขั้นตอนและวิธีการทำงานในการใช้สีกันสนิมว่าง่ายต่อการติดตั้งและใช้งานหรือไม่
  6. ความปลอดภัย: ตรวจสอบว่าสีกันสนิมมีส่วนประกอบอันตรายหรือไม่ และสามารถใช้งานในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงต่อความปลอดภัยได้หรือไม่

เคล็บลับการใช้สีรองพื้นทากันสนิม

เหล็กใหม่ เหล็กยังดี ไม่มีสนิม ใช้สีรองพื้นแดงกันสนิม หรือสีรองพื้นทากันสนิม

เหล็กที่ยังไม่เกิดสนิม แค่เลือกสีรองพื้นแดงหรือเทากันสนิมทั่วไปก็เพียงพอที่เหมาะกับเหล็กใหม่ จะช่วยป้องกันการเกิดสนิม รวมไปถึงช่วยลดปัญหาการลามของสนิม

เหล็กมีสนิม แต่ยังใช้งานได้ดี ใช้สีรองพื้นหยุดสนิมทันที ที่มีระบบอีพ็อกซี่

สีรองพื้นหยุดสนิมระบบอีพ็อกซี่ เป็นสีกันสนิมที่สามารถใช้ได้ทั้งเหล็กเก่าและเหล็กใหม่ คุณสมบัติพิเศษของสีกันสนิมตัวนี้ คือ สามารถช่วยหยุดการลุกลามของสนิมเดิม และป้องกันการเกิดสนิมใหม่ สามารถทาบนพื้นผิวเหล็กที่ไม่พุพองรุนแรงได้เลย หรือหากมีการขัดสนิมแต่ยังมีสนิมหลงเหลืออยู่ก็สามารถทาสีกันสนิมตัวนี้ได้ทันทีหลังจากทำความสะอาดพื้นผิวแล้ว ที่สำคัญ ทนแดด ทนฝน รวมถึงทนความชื้นจากไอทะเล ซึ่งรุนแรงกว่าความชื้นปกติได้ดีอีกด้วย

หากใช้เหล็กกัลวาไนซ์ จำเป็นต้องทากันสนิมเพิ่มไหม

เหล็กกัลวาไนซ์ หรือเหล็กชุบซิงค์ คือ เหล็กที่ผ่านการเคลือบป้องกันสนิมด้วยซิงค์สังกะสี ซึ่งมีหลากหลายกรรมวิธี ไม่ว่าจะเป็นการจุ่มร้อน การทาเคลือบ ไปจนถึงการใช้กระแสไฟฟ้า ซึ่งจะทำให้พื้นผิวเหล็กมีความมันวาว การทาสีเหล็กกัลวาไนซ์ หรือเหล็กชุบซิงค์จึงจำเป็นต้องเลือกสีสำหรับทาเหล็กประเภทนี้โดยเฉพาะ ไม่เช่นนั้นแล้ว อาจทาแล้วไม่ติดพื้นผิว หรือเกิดสีลอกล่อน

 

การเลือกใช้งานสีกันสนิมที่เหมาะสมจะช่วยเสริมความทนทานให้กับวัตถุหรือโครงสร้างและลดความเสียหายจากการสนิมและกัดกร่อน เพื่อยืนอยู่ในเวลานานและลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือบำรุงรักษาในระยะยาว

หลังคา shingle roof คือ อะไร เหมาะกับประเทศไทยไหม ติดตั้งอย่างไร

หลังคา shingle roof คือ อะไร เหมาะกับประเทศไทยไหม ติดตั้งอย่างไร 

หลังคา shingle roof หรือที่หลายคนเรียกว่า หลังคา ยางมะตอย เป็นองค์ประกอบที่ทับซ้อนกันซึ่งติดตั้งเป็นแถวเพื่อปกปิดพื้นผิวหลังคา นิยมใช้กันแพร่หลายเป็นอย่างมากในการเลือกใช้เป็นวัสดุติดตั้งหลังคา เนื่องด้วยความทนทานและความสามารถในการปกป้องตัวบ้าน ที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์ หรือแม้แต่โรงงานอุตสาหกรรมเองก็นิยมใช้หลังคาประเภทนี้เหมือนกัน   เนื่องจากราคาย่อมเยา มีตัวเลือกที่หลากหลาย และง่ายต่อการติดตั้ง ให้การปกป้องจากองค์ประกอบต่าง ๆ เพิ่มความสวยงามของโครงสร้าง และสามารถมีอายุการใช้งานที่ยาวนานด้วยการบำรุงรักษาที่เหมาะสม ไม่ว่าจะฝนตกแดดออกแรง ๆ หรือว่าจะหิมะตกก็ตาม ก็ยังสามารถทนทานได้เป็นอย่างดี แต่ว่า หลังคาประเภทนี้จะเหมาะกับประเทศไทยหรือไม่ ในบทความนี้ เรามีคำตอบมาให้ครับ

หลังคา shingle roof คือ อะไร ? มีลักษณะอย่างไร ?

หลังคาแบบ shingle roof จะมีลักษณะเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมที่ถูกติดตั้งแบบให้มีส่วนที่ทับกันอยู่ คือ ส่วนล่างของกระบื้องชิ้นบนจะทับกับส่วนบนของกระเบื้องชิ้นด้านล่าง กระเบื้องที่ใช้ปูหลังคาเองก็จะมีหลายวัสดุ เช่น ยางมะตอย ไม้ หรือเหล็ก ด้วยการที่ปูหลังคาทับกันนี่จะทำให้ทนทานมากยิ่งขึ้นครับ

หลังคาประเภทนี้มีข้อดีค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งและดูแลที่ง่ายดาย ทำให้เป็นตัวเลือกอันดับแรก ๆ ของผู้ที่กำลังจะสร้างบ้าน และยังมีสีสัน ลวดลาย และพื้นผิวให้เลือกอย่างมากมาย ทำให้สามารถเลือกได้อย่างเต็มที่เพื่อให้บ้านนั้นออกมาตรงกับความต้องการของเจ้าของบ้านที่สุด นอกจากนี้ยังนำไปตกแต่งบ้านน็อคดาวน์ได้เช่นกัน

หลังคา ยางมะตอย ใช้กับบ้านประเภทไหนได้บ้าง

หลังคาแบบ shingle roof สามารถใช้ได้กับบ้านหลากหลายแนว หลากหลายสไตล์ ด้วยความที่ประยุกต์ใช้ได้ง่าย และมีความคงทนที่ยาวนาน จึงเป็นตัวเลือกที่ดีมาก สำหรับผู้ที่กำลังมองหาหลังคาที่มีอายุการใช้งานที่ยาวนานและมีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ โดยส่วนใหญ่แล้วแผ่นหลังคามักจะทำมาจากยางมะตอยหรือไฟเบอร์กลาส ทำให้มีชั้นที่สามารถกันสภาพอากาศเช่นฝน หิมะ และแสงอาทิตย์

โดยบ้านตามระแวกนอก หรือบ้านแถบชานเมืองแบบดั้งเดิมมักจะมีหลังคาที่ลาดชันหรือเป็นหลังคาแหลม โดยหลังคาประเภทนี้มักจะติดตั้งหลังคาแบบ shingle roof เพราะว่ามีหลากหลายสไตล์และหลากหลายสีให้ได้เลือกใช้งาน ทำให้เจ้าของบ้านสามารถเลือกสีที่เหมาะกับลุคโดยรวมของบ้านได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นบ้านสไตล์โคโลเนียล วิคตอเรียน หรือบ้านสไตล์ช่างก็เหมาะกับหลังคาชิงเกิ้ลรูฟนี้เหมือนกันครับ

บ้านในลักษณะโมเดิร์นหรือบ้านร่วมสมัยก็เหมาะกับการติดตั้งหลังคาชิงเกิ้ลรูปเหมือนกัน เพราะว่าหลังคาประเภทนี้ทำให้บ้านดูปราดเปรียว และดูสะอาดตาด้วยดีไซน์ที่ดูเป็นมินิมอล และหลังคาประเภทนี้ยังทำหน้าที่เป็นฉนวนกันความร้อนให้แก่ตัวบ้านได้อีกด้วย ซึ่งทำให้บ้านประหยัดพลังงานได้มากขึ้น

หรือแม้แต่บ้านที่ตั้งอยู่ในพื้นที่มีสภาพอากาศแบบสุดขั้วก็นิยมใช้หลังคาประเภทนี้ เช่น พื้นที่ป่าฝนที่ฝนตกบ่อย ๆ มีลมแรง หรือแม้แต่มีลูกเห็บตก ด้วยแผ่นหลังคาแบบยางมะตอยจะสามารถปกป้องตัวบ้านให้ทนทานต่อสภาพอากาศต่าง ๆ ได้อย่างแน่นอน

ด้วยความหลากหลายในการประยุกต์ใช้ร่วมกับบ้านได้หลากหลายสไตล์ และความทนทานต่อสภาพอากาศต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี และด้วยสีสันที่หลากหลาย จึงทำให้เป็นตัวเลือกแรก ๆ ของผู้ที่กำลังจะสร้างบ้าน หรือว่าอยากเปลี่ยนหลังคาบ้านของตัวเองนั่นเองครับ ไม่ว่าจะเป็นบ้านแนวคลาสสิกหรือโมเดิร์นก็สามารถใช้หลังคาประเภทนี้ได้อย่างลงตัวครับ

หลังคาซิงเกอร์รูฟ เหมาะกับประเทศไทยไหม

ด้วยความที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความร้อนและความชื้นที่สูง ในบางครั้งก็มีฝนตกหนัก ซึ่งหลังคาประเภทชิงเกิ้ลรูฟสามารถป้องกันตัวบ้านได้เป็นอย่างดี สามารถป้องกันน้ำฝนได้และไม่แตกหักได้ง่าย และด้วยโครงสร้างของกระเบื้องที่ทนทานต่อความร้อน จึงทำให้สามารถทนความร้อนได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

หลังคาชิงเกิ้ลรูฟเป็นหลังคาที่มีประโยชน์อย่างมากหากเทียบกับราคาแล้ว ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคา และยังติดตั้งและดูแลรักษาได้ง่าย ทำให้เหมาะกับบ้านที่กำลังจะสร้างใหม่และบ้านที่กำลังมองหาหลังคาประเภทอื่น ด้วยความทนทานของหลังคาประเภทนี้ จึงทำให้ไม่ต้องเสียเงินเปลี่ยนหลังคาบ่อย ช่วยประหยัดเงินได้อีกเยอะเลย

วิธีการติดตั้ง หลังคาชิงเกิ้ลรูฟ

  1. รื้อกระเบื้องหลังคาเก่าออกก่อน เป็นอันดับแรก โดยรื้อถอนออกให้หมด และเช็คดูด้วยว่ามีส่วนไหนที่ต้องซ่อมแซมรึเปล่า และหลังคาที่ดีควรมีพื้นที่ให้อากาศถ่ายเท เพื่อป้องกันเชื้อราที่อาจเกิดขึ้นได้ ถ้าหากว่ามีความชื้นสะสมอยู่มาก
  2. ติดตั้งวัสดุมุงหลังคา ซึ่งที่มุงหลังคาจะทำหน้าที่เป็นชั้นกันน้ำซึมและปกป้องหลังคาจากการรั่วซึม โดยวัสดุมุงหลังคาส่วนใหญ่จะใช้เป็นวัสดุสังเคราะห์ต่าง ๆ ที่มีพื้นผิวเหมือนกับกระดาษ และที่มุงหลังคาควรที่จะยึดไว้ด้วยตะปูยึดหลังคาหรือลวดเย็บเอา เพื่อทำให้ที่มุงหลังคาเรียนเสมอกันและไม่ยับนั่นเอง
  3. ติดตั้งกระเบื้องหลังคา หลังจากที่ติดตั้งที่มุงหลังคาเรียบร้อยแล้ว โดยการติดตั้งจะเริ่มตั้งแต่ชายคาของหลังคาเลย แล้วติดตั้งทับขึ้นมาเรื่อย ๆ โดยให้ส่วนล่างของกระเบื้องชั้นบนทับส่วนบนของกระเบื้องชั้นล่าง และการตอกตะปูควรที่จะตอกให้ถูกที่บนกระเบื้อง เพื่อหลีกเลี่ยงการฉีกของแถบกาว การติดตั้งหลังคาควรที่จะทำตามคู่มืออย่างเคร่งครัด

เมื่อติดตั้งกระเบื้องหลังคาเสร็จแล้ว ให้เช็คตามขอบ มุม หรือส่วนที่หลังคาประกบกันอย่างถี่ถ้วน เพื่อป้องกันการรั่วซึมของน้ำฝนที่อาจเกิดขึ้นได้ หากไม่ได้มีการติดตั้งที่ครอบคลุมมากพอ และควรติดตั้งที่คลุมสันของหลังคาไว้ด้วยเพื่อการกันน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด และทำการเช็คสภาพโดยรวมของหลังคาอีกทีเป็นอันเสร็จสิ้น

หลังคาชิงเกิ้ลรูฟ ซ่อมแซมอย่างไรหากเสียหาย

ถ้าหากหลังคาชิงเกิ้ลรูปเกิดความเสียหายขึ้น อันดับแรกคือต้องตรวจสอบบริเวณหลังคาทั้งหมดก่อนว่ามีส่วนที่เสียหายเพิ่มเติมไหม และในขณะเดียวกันก็เช็คดูส่วนที่น้ำอาจซึมเข้าไปในหลังคาได้ด้วย ด้วยการไล่เช็คให้ครอบคลุมนี่เอง จะทำให้สามารถวางแผนซ่อมแซมได้อย่างถูกต้อง

เมื่อเราสำรวจจนครบ จนรู้ว่ามีบริเวณไหนของหลังคาที่เสียหายบ้างแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการเอากระเบื้องเก่าออกอย่างระมัดระวัง โดยใช้แชลงเป็นตัวช่วย ระมัดระวังไม่ให้เกิดความเสียหายกับชิ้นอื่นและไม่ให้เกิดความเสียหายกับชั้นที่รองหลังคาด้วย การค่อย ๆ ทำอย่างระมัดระวังเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติม

หลังจากที่นำชิ้นกระเบื้องเก่าออกแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการนำชิ้นกระเบื้องชิ้นใหม่ติดตั้งแทนที่ชิ้นเก่า โดยเริ่มจากวางให้เข้าที่ก่อน ดูให้ดี ให้เสมอกับชิ้นอื่น ๆ ยึดกระเบื้องด้วยตะปูตอกสังกะสี และซ่อมกระเบื้องที่ได้รับความเสียหายทั้งหมด

หลังจากที่ซ่อมแซมทั้งหมดแล้ว เช็คเพิ่มเติมว่ายังมีปัญหาอื่นอีกไหม โดยเช็คภาพรวมทั้งหมดของหลังคา และเช็คถึงจุดที่อาจมีความเสียหายเกิดขึ้น หรือว่าเป็นจุดที่น้ำอาจซึมเข้าหลังคาได้

หลังคา Shingle roof แตกต่างจากหลังคา Metal sheet อย่างไร

  • หลังคา Metal sheet เป็นหลังคาที่ทำมาจากเหล็กที่มีความทนทาน ซึ่งทำให้หลังคานั้นแข็งแรงและทนทาน ในทางตรงกันข้าม หลังคาชิงเกิ้ลรูฟมีหลายวัสดุด้วยกัน เช่น ไม้หรือยางมะตอย เป็นต้น และยังมีความยืดหยุ่นต่อการติดตั้งที่มากกว่าด้วย
  • เมื่อพูดกันถึงเรื่องความสวยงาม หลังคา Metal sheet จะดูโมเดิร์นและปราดเปรียว ด้วยพื้นผิวที่ดูสมูธและมันเงาแบบเหล็กทำให้เสริมสร้างความโมเดิร์นได้เป็นอย่างดี ในขณะเดียวกัน หลังคาชิงเกิ้ลรูฟจะดูดั้งเดิมมากกว่า และด้วยความที่พื้นผิวของกระเบื้อง และการเรียงกระเบื้องเป็นชั้น ๆ ทำให้ดูสวยงามแบบร่วมสมัยและสามารถเข้ากับบ้านได้หลากหลายประเภทมากกว่า
  • ในส่วนของความคงทน หรือความทนทาน หลังคาประเภท Metal sheet จะมีข้อดีในการทนทานต่อสภาพอากาศต่าง ๆ ได้ดีมาก เช่นลมแรง ฝนตกหนัก หรือพายุลูกเห็บ และยังกันไฟได้อีกด้วย เช่นเดียวกันกับหลังคาชิงเกิ้ลรูฟที่มีความทนทานไม่แพ้กันเลยครับ อาจทนทานมากกว่าด้วยซ้ำ เพียงแต่ต้องตรวจเช็คสภาพหลังคาอยู่เป็นประจำ เพื่อทำให้สามารถป้องกันบ้านได้ดีอยู่ตลอดเวลา
  • หลังคาแบบเมทัลชีทจะมีราคาที่แพงกว่าหลังคาชิงเกิ้ลรูฟ แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่มีความทนทานที่สูงและไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนกระเบื้องหลังคาบ่อย จึงทำให้ทั้งคู่เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าคุ้มราคาในระยะยาวครับ

สรุป

หลังคาShingle Roof จะเป็นตัวเลือกที่ดีมาก ๆ สำหรับผู้ที่กำลังมองหาหลังคาที่สวยงาม ราคาคุ้มค่าคุ้มราคา ไม่แพงจนเกินไป และไม่จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนกระเบื้องหลังคาบ่อย ๆ อีกทั้งยังทนทานต่อสภาพอากาศต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี และหากเกิดเหตุการณ์เช่น ไฟไหม้ หลังคาประเภทนี้จะไม่ติดไฟครับ เป็นหลังคาที่เหมาะกับการติดตั้งในประเทศไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งสามารถทนทานต่อความร้อนและความชื้นในเมืองไทยได้เป็นอย่างดี

ฝ้า เพดาน คือ อะไร มีกี่ประเภท จำเป็นต้องมีไหม

ฝ้า เพดาน คือ อะไร จำเป็นไหมที่บ้านทุกหลังต้องมี ? ย้อนไปดูประวัติของฝ้าเพดานกันก่อน เมื่อพันปีก่อน การออกแบบฝ้าเพดาน (Ceiling Design) เป็นส่วนหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม ซึ่งการเกิดขึ้นของงานออกแบบตกแต่งฝ้าเพดานยุคแรกๆ ต้องย้อนเวลาไปถึงต้นปี 1300 กันเลยทีเดียว จริงแล้วจุดแรกเริ่มในอดีตอาจไม่สามารถเรียกว่าฝ้าเพดานได้อย่างเต็มปาก แต่มันคือการตกแต่งเพดานให้มีความสวยงามตามความชอบ และการใช้งานของคนในโบราญ จริงๆแล้วมนุษย์รู้จักการออกแบบตกแต่งเพดานมาตั้งแต่ยุคกรีกโบราณ แต่เพดานโรมันในยุคแรกๆนั้นเต็มไปด้วยการแกะสลัก และภาพวาดประดับตกแต่งเป็นหลัก และในช่วงยุคกอธิคแนวโน้มการตกแต่งฝ้าเพดานได้หันมาใช้องค์ประกอบที่สัมพันธ์กับโครงสร้างเพิ่มขึ้น จะเห็นได้ชัดว่าในยุคนี้เพดานจะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นมากเพื่อรองรับการตกแต่งที่งดงามจากงานปั้น และงานจิตรกรรมที่มีสีสันสดใส จึงมีการวิวัฒนาการมาเรื่อย ๆ โดยเดินทางผ่านประวัติศาสตร์ยุคสมัยต่างๆ มาอย่างยาวนานกินเวลาหลายร้อยปี จากจุดเริ่มต้นแค่การตกแต่งเพดานธรรมดาก็ได้เปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อย ๆ จนถูกพัฒนาให้กลายเป็นระบบฝ้าเพดานในปัจจุบัน

ฝ้า เพดาน คือ อะไร ?

ฝ้า เพดาน คือ อะไร ถ้าพูดกันแบบเข้าใจง่ายๆ เลยนะครับ ฝ้าเพดานเป็นแผ่นวัสดุที่ปิดพื้นที่บริเวณใต้หลังคาและใต้พื้นชั้นบนเพื่อป้องกันความร้อนใต้หลังคาและปิดซ่อนอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ท่อน้ำ สายไฟ ป้องกันเสียง และสำหรับฝ้าที่เป็นวัสดุทนไฟก็ยังช่วยป้องกันไฟได้อีกด้วย การบุฝ้าเพดานในอาคารบ้านเรือนจึงมีประโยชน์ทั้งในแง่การใช้สอยและความสวยงาม หรืออธิบายง่ายๆ ถ้าเรามองขึ้นไปแล้วเห็นหลังคาเลย นั่นแปลว่าบ้านไม่มีฝ้าเพดาน ทุกที่มีฝ้าเพดานหมด อย่างที่บอกไป นอกจากจะสามารถปกปิดโครงสร้างที่ไม่น่ามองแล้ว ยังช่วยเรื่องเสียงรบกวนอีกด้วย อย่างเช่นเกิดมีใครเข้าห้องน้ำอยู่ชั้นบน เสียงกดชักโครก เสียงตามท่อที่ดังออกมา ฝ้าเพดานนี่แหละครับจะกันเสียงไม่ให้เสียงกระจายตัวลงมาชั้นล่าง

ฝ้าเพดาน มีกี่ประเภท

  1. ประเภทที่ 1 ฝ้าเพดานฉาบเรียบฝ้าเพดานประเภทนี้ มักใช้ในงานที่ต้องการความเรียบเนียนกลมกลืนไปกับสไตล์การออกแบบ จึงมักเป็นการติดตั้งแบบถาวรเป็นหลัก โดยวัสดุกรุฝ้านั้นจะนิยมใช้วัสดุแผ่นที่ทำจากยิปซัม และไฟเบอร์ซีเมนต์ โดยจะยึดเข้ากับโครงคร่าวที่ติดตั้งไว้กับโครงหลังคาอีกที เช่น โครงคร่าวประเภท C-Line ซึ่งฝ้านี้จะมีการปิดรอยต่อด้วยปูนสำหรับฉาบ เมื่อเสร็จแล้วจึงทาสีทับลงไป ฝ้าประเภทนี้จึงเรียกว่า “ฝ้าฉาบเรียบ”
  2. ประเภทที่ 2 ฝ้าเพดานแขวนหรือฝ้าทีบาร์ฝ้าประเภทนี้มีความนิยมอย่างมาก เนื่องดวก สะดวกและราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ทั้งยังสามารถเปิดฝ้าเพื่อขึ้นไปซ่อมแซมงานระบบต่างๆ บนเพดานได้อีกด้วย ฝ้ามีโครงเหล็กเป็นรูปตัว T และเป็นตารางเท่าๆ กันเพื่อวางแผ่นยิมซัมโดยลวดเข้ากับโครงหลังคา การติดตั้งฝ้านี้เหมาะกับห้องที่มีขนาดเล็ก ถ้านำไปใช้ในห้องที่มีขนาดใหญ่มากอาจจะเกิดการหย่อนตัวของลวดที่ใช้ยึด
  3. ประเภทที่ 3 ฝ้าเพดานแบบเล่นระดับ หรือ ฝ้าหลุมฝ้าเพดานประเภทนี้ จะเห็นได้ในอาคารเป็นบางแห่ง ฝ้าหลุม เป็นฝ้าที่มีลักษณะเด่นที่สุดด้วยรูปแบบที่สวยงาม ซึ่งมีการเล่นระดับให้ดูมีมิติที่โดดเด่นหรูหรา บางกรณีการออกแบบฝ้าหลุม อาจทำเพื่อให้มีความสอดรับกับการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ซ่อนเครื่องปรับอากาศ ติดตั้งโคมระย้า หรือ พัดลมเพดาน
  4. ประเภทที่ 4 ฝ้าเพดานซ่อนระบบไฟ หรือ ไฟหลืบ ไฟซ่อนฝ้าฝ้าเพดานประเภทนี้ จะมีการเว้นพื้นที่ของฝ้าเพื่อวางแนวไฟส่องสว่างให้ส่องสะท้อนแผ่นฝ้าลงมาสู่พื้นที่ใช้งาน เพื่อให้ได้แสงที่สม่ำเสมอ นุ่มนวล และดูสบายตา โดยส่วนมากมักจะใช้เพื่อสร้างบรรยากาศ และตกแต่งเพื่อเพิ่มความสวยงามหรูหราให้กับพื้นที่นั้นๆ
  5. ประเภทที่ 5 ฝ้าดูดซับเสียง หรือ ฝ้าอคูสติกแต่เดิมฝ้าประเภทนี้ เป็นระบบฝ้าเพดานที่ผสมผสานระหว่างโครงเคร่าฝ้าแบบที-บาร์ โดยมีตัวเลือกของแผ่นฝ้า ที่เป็นแผ่นฝ้าประเภทที่สามารถป้องกันเสียงสะท้อนได้ อย่างเช่น Acoustic Board ที่มีพื้นผิวขรุขระ ซึ่งจะช่วยในการดูดซับเสียงไม่ให้สะท้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงนิยมใช้ในห้องประชุมสัมมนา ,ภายในอาคารสำนักงาน หรือ ห้องแสดงมหรสพต่างๆ
  6. ประเภทที่ 6 ฝ้าเพดานโปร่ง หรือ ฝ้าระแนงฝ้าประเภทนี้นิยมใช้ตกแต่งเพื่อความสวยงาม หรือ เพื่อพรางท่องานระบบต่างๆใต้พื้นอาคาร นอกจากนี้ฝ้าโปร่งแบบระแนงยังช่วยให้อากาศถ่ายเทสะดวก และยังซ่อมแซมง่าย ส่วนใหญ่นิยมใช้กับอาคารสาธารณะที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น โรงแรม ,ห้างสรรพสินค้า ,อาคารสำนักงาน ,สถานีรถไฟฟ้า ,สถานีขนส่ง
  7. ประเภทที่ 7 ฝ้าเพดานติดตั้งพิเศษ ฝ้าประเภทนี้ เป็นฝ้าที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความสวยงาม หรือ ความโดดเด่นแตกต่างให้กับพื้นที่นั้น เรามักจะเห็นตาม ล๊อบบี้โรงแรม หรือ ภายในรีเทลช๊อป เพื่อดึงดูดความสนใจ ลักษณะของฝ้าประเภทนี้จะมีรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะต่างจากฝ้าทั่วไป และอาจมีการผสมผสานในด้านการใช้วัสดุที่หลากหลายขึ้น เช่น กระจก ,อะคริลิค ,ผ้าใบ ,ผ้าตกแต่ง ,แผ่นอลูมิเนียม ไม้จริง หรือ ไม้เทียม ตกแต่งเป็น ฝ้าระแนง เป็นต้น ซึ่งจะต้องใช้ความชำนาญในการติดตั้งมากกว่าฝ้าแบบทั่วไป
  8. ประเภทที่ 8 ฝ้าชายคา หรือ ฝ้าเพดานภายนอกฝ้าเพดานประเภทนี้ เป็นฝ้าที่ใช้ปิดเพดาน และชายคาที่อยู่นอกอาคาร มีจุดประสงค์หลักในการป้องกันสัตว์ต่างๆเข้ามาใต้เพดาน ป้องกันความร้อนจากภายนอก และช่วยระบายอากาศจากใต้หลังคา เราจึงมักเห็นฝ้าที่ออกแบบให้มีร่องระบายอากาศสำหรับใช้ภายนอกตึกสูงหรือนอกอาคารสูงนั่นเอง

ฝ้าเพดานจำเป็นต้องมีไหม

คำตอบ คือ ไม่จำเป็นก็ได้ครับถ้าโครงสร้างของคุณสวย อย่างเช่น เดินท่อน้ำเรียบร้อย เก็บสายไฟสวยงาม หรืออยากจะโชว์สิ่งต่างๆ เหล่านี้ คุณสามารถไม่ต้องติดตั้งฝ้าก็ได้ครับ ยกตัวอย่างเช่น งานสไตล์ลอฟท์ งานปูนเปลือย ที่วิศวรจะออกแบบมาเฉพาะเลย แต่ในความเป็นจริง สายไฟเอย ท่อน้ำไม่น่าดู โครงสร้างไม่น่าดู เราจึงไม่อยากจะโชว์อะไรแบบนี้ให้คนผ่านไปผ่านมาเห็น เราจึงต้องมีฝ้าเพดานเพื่อมาปิดสิ่งเหล่านี้เพิ่มความเรียบร้อยสวยงามนั่นเองครับ

ทีนี้ก็รู้แล้วใช่มั้ยล่ะครับว่าฝ้าคืออะไร มีคุณสมบัติอย่างไร การจะติดตั้งฝ้าควรจะเลือกแบบที่เหมาะสมกับอาคารให้ถูกต้อง ที่สำคัญเลยนะครับการเลือกวัสดุการทำฝ้าก็เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก ควรพิจารณาก่อนเลือกซื้อทุกครั้ง ไม่มีสิ่งไหนที่ดีที่สุด มีเพียงสิ่งที่เหมาะสมกับงานที่สุด

สีไฟห้อง เคล็ดลับ วิธีเลือก แสงไฟ อย่างไรให้เหมาะสม

สีไฟห้อง เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับการใช้ชีวิตของมนุษย์ เพื่อทดแทนหรือเพิ่มเติมความสว่างจากแสงธรรมชาติ เพื่อให้การทำกิจกรรมต่าง ๆ เป็นไปอย่างสะดวกและปลอดภัย หรือเป็นการเพิ่มความสว่างให้กับมุมอันมืดทึบของบ้านทั่วไป บ้านน็อคดาวน์  นอกจากนี้ แสงไฟยังเป็นองค์ประกอบหนึ่งของการตกแต่ง รูปแบบและดีไซน์ของไฟชนิดต่าง ๆ เป็นรายละเอียดหนึ่งที่สร้างเสน่ห์ให้กับบ้าน แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ แสงไฟจะช่วยสร้างอารมณ์และบรรยากาศที่แตกต่างกันไป สามารถขับรายละเอียดของสถาปัตยกรรมให้โดดเด่น เน้นความสวยงามของของตกแต่งหรือรูปภาพให้เด่นขึ้น การออกแบบแสงไฟจึงเป็นสิ่งหนึ่งที่เป็นสไตล์ และความน่าสนใจของงานตกแต่งเช่นกัน

 

โทนสีไฟ ที่นิยมนำมาแทนส่วนใหญ่มีทั้งหมด 3 ประเภท

  1. Warm White : แสงวอร์มไวท์ จะให้แสงสีเหลืองนวล สีโทนอุ่น ไม่เข้มจัดและสว่างมากนัก เป็นแสงที่สบายตา ผ่อนคลาย โรแมนติก เป็นแสงที่ใช้สร้างบรรยากาศมากที่สุด                                                                           
  2. Cool White : แสงคูลไวท์ เป็นแสงที่ให้สีขาวนวลแต่ไม่จัด มีความสว่างมากกว่าแสงวอร์มไวท์ เรียกได้ว่าเป็นแสงกลางๆ ที่สามารถนำมาใช้ได้กับหลายพื้นที่ ทำให้มองเห็นสิ่งรอบตัวได้ชัดเจนมากขึ้น                              
  3. Daylight : แสงเดย์ไลท์ เป็นแสงสีขาวโทนฟ้า ให้ความสว่างชัดเจน ทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ดี และเป็นแสงที่ช่วยให้รู้สึกตื่นตัวอีกด้วย

 

เลือก สีไฟห้อง อย่างไรให้เข้ากับบ้านของเรา

  1. แสงไฟหน้าบ้านและประตูทางเข้า : บริเวณหน้าบ้านและบริเวณประตูทางเข้าถือเป็นจุดแรกของบ้านที่สามารถสร้างความประทับใจให้ทั้งกับคนอยู่เองและแขกที่มาเยือน ดังนั้น การใช้แสงไฟเสริมบรรยากาศ จะทำให้บ้านน่าอยู่และเพิ่มเสน่ห์ให้กับตัวบ้านมากยิ่งขึ้น
  2. แสงไฟห้องนั่งเล่น : ห้องนั่งเล่นเป็นพื้นที่ที่ใช้ทำกิจกรรม พักผ่อน และรับแขกซึ่งถือเป็นพื้นที่ส่วนกลางของบ้านที่ใช้สอยแบบอเนกประสงค์ แสงไฟที่ใช้จึงควรปรับเปลี่ยนได้หลากหลายตามความต้องการของผู้ใช้งาน และกิจกรรมนั้นๆ
  3. แสงไฟห้องนอน : ห้องนอนเป็นพื้นที่แห่งการพักผ่อนในยามนอนหลับ เป็นพื้นที่ที่เราใช้ผ่อนคลายจากสิ่งต่างๆ ถือเป็นห้องที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุดห้องหนึ่งในบ้าน ดังนั้น การสร้างบรรยากาศห้องนอนให้มีความสงบ อบอุ่น พร้อมแก่การนอนหลับจึงเป็นสิ่งที่เราต้องให้สำคัญ
  4. แสงไฟห้องน้ำ : โดยปกติการออกแบบห้องน้ำ จะต้องมีช่องสำหรับระบายอากาศและเพื่อให้แสงธรรมชาติในเวลากลางวันเข้ามาสู่ตัวห้องน้ำเพื่อลดความอับชื้นอยู่แล้ว แต่สาวๆ หรือหนุ่มๆ หลายคนอาจจะใช้พื้นที่ห้องน้ำเป็นพื้นที่แต่งหน้า ทาครีม โกนหนวดด้วย ดังนั้น แสงไฟที่ใช้ควรให้โทนสีของแสงมีความชัดเจน ถูกต้อง
  5. แสงไฟห้องครัว : โดยปกติการออกแบบห้องครัวจะมีหน้าต่างเพื่อระบายอากาศและให้แสงธรรมชาติเข้ามาเพื่อลดความอับชื้นและช่วยฆ่าเชื้อโรคเช่นเดียวกับห้องน้ำอยู่แล้ว แต่จะต่างตรงที่ห้องครัวสามารถออกแบบให้ช่องแสงหรือหน้าต่างใหญ่กว่าห้องน้ำ ดังนั้น ในเวลากลางวันเราอาจจะไม่ต้องเปิดไฟเลยก็ได้ ส่วนในเวลากลางคืนที่ต้องการความชัดเจนของแสงก็สามารถเลือกใช้ได้ทั้งแสง Daylight และ Cool White
  6. แสงไฟห้องทำงาน : เชื่อว่าหลายๆ บ้านในปัจจุบัน ต้องมีการจัดสรรให้มีห้องทำงานภายในบ้านอย่างแน่นอน เนื่องจากการต้อง Work From Home หรือทำงานที่บ้านมากขึ้น ซึ่งห้องทำงานนอกจากใช้ทำงานแล้ว บางคนยังใช้สำหรับการประชุมออนไลน์อีกด้วย ดังนั้น ห้องทำงานก็เป็นอีกห้องที่ต้องสร้างบรรยากาศให้สวยดูดี มีความสงบ เพื่อให้มีสมาธิ พร้อมสำหรับทั้งการทำงานและการประชุม

นอกจากรายละเอียดการออกแบบภายในและภายนอกบ้านแล้ว การเลือกแสงไฟให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ภายในบ้านก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะแสงไฟสามารถสร้างบรรยากาศ อารมณ์และความรู้สึกที่ดีให้กับบ้านได้ ซึ่งการเลือกแสงไฟให้เหมาะกับบ้านก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด และทั้งหมดนี้ก็เป็นแนวทางในการเลือกใช้แสงไฟให้ถูกลักษณะภายในบ้านหรือบริเวณบ้าน เพื่อเพิ่มความสว่างและความสวยงามให้กับภายในบ้าน ทำให้เกิดความน่าอยู่ให้กับบ้านหากเลือกใช้ไฟที่เหมาะสม

4 เหตุผลที่ควร ไล่นกพิราบ ออกจากหลังคาบ้าน

ไล่นกพิราบ 4 เหตุผลที่นกพิราบและคนไม่ควรอยู่ร่วมกัน ? เชื่อว่าหลายคนต้องประสบปัญหาเหล่านกพิราบหรือนกทั้งน้อยใหญ่ เข้ามาทำรังอยู่ใต้หลังคาหรือตามชายคาบ้านกันแน่ ๆ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ล้วนแล้วแต่สร้างความรำคาญใจให้เจ้าของบ้านไม่น้อยเลยทีเดียว แม้เหล่านกจะจากไปแต่ปัญหาก็ถูกทิ้งไว้อย่างแน่นอน ซึ่งสร้างปัญหาต้องเสียเวลาทำความสะอาดมูลนก ทำความสะอาดรังนก หรืออาจต้องซ่อมแซมในส่วนบ้านที่เสียหายจากการเข้าอาศัยของเหล่านกพวกนี้ การป้องกันนกไม่ให้เข้าทำรังก็มีด้วยกันหลายวิธีเช่น ใช้ ไม้ปิดกันนก ปิดบริเวณชายหลังคา, ติดตะแกรง, ติดตาข่าย, แขวนกระดิ่งหรือโมบาย เป็นต้น ซึ่งเหตุผลที่ต้องป้องกันเหล่านกไม่ให้เข้ามาทำรังตามอำเภอใจ โดยเฉพาะพิราบนั้นไม่เพียงแต่สร้างปัญหาจุกจิกเท่านั้น ยังมีปัญหาอื่น ๆ ตามมาอีกมากมายเช่นกัน

 

4 เหตุผลที่ควร ไล่นกพิราบ

  1. สร้างความรำควาญให้กับเจ้าของบ้าน อย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น เหล่านกน้อยใหญ่ที่เข้ามาทำรังไม่ได้มาอยู่อาศัยเพียง 1 – 2 ตัว และไม่ได้อยู่กันแบบฉันท์มิตร อาจมีการส่งเสียงร้องตลอดเวลา คาบเศษกิ่งไม้ คาบอาหาร บินวนไปมารอบตัวบ้านสร้างความรำคาญทั้งสภาวะทางเสียงและสายตาให้แก่เจ้าของบ้าน เป็นปัญหาจุกจิกที่สร้างความรำคายไม่น้อยเลยทีเดียว
  1. สร้างความสกปรก อีกหนึ่งปัญหาที่นกหรือสัตว์ที่อาศัยอยู่ภายใต้หลังคาบ้าน หรือชายคาบ้าน มักมาพร้อมกับความสกปรก ทั้งการนำเศษไม้มาทำรังและการวางไข่เพื่อขยายพันธ์ ตลอดจนการปล่อยมูลหรือของเสียตามอำเภอใจ ส่งผลเสียต่อกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์และยังยากต่อการหาตำแหน่งเพื่อทำความสะอาดอีกด้วย
  2. ขยายพันธ์ได้อย่างรวดเร็ว การป้องกันไม่ให้นกน้อยเข้าทำรังแต่เนิ่น ๆ นับว่าเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด ถ้าหากนกพิราบได้ทำรังเรียบร้อยแล้ว มักมีโอกาสแพร์พันธ์ได้อย่างรวดเร็ว โดยปกติทั่วไปนกพิราบจะทำการวางไข่ 1-2 ฟองต่อครั้ง และใช้ระยะเวลาฟักจากไข่เป็นตัวอ่อนเพียง 3 สัปดาห์ถึง 1 เดือนเท่านั้น เรียกได้ว่าใช้ระยะเวลาสั้นมาก ๆ ในการแพร่พันธุ์
  3. พาหะนำโรค อีก 1 สาเหตุที่ไม่ควรให้นกพิราบอยู่ใกล้กับที่อยู่อาศัย เพราะมูลนกพิราบมีเชื้อโรคมากกว่า 60 ชนิด และที่สำคัญยังเป็นพาหะของโรคไข้หวัดนกอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีโรคซิตตาโคซิส , โรคคริปโตคอกโคสิส , โรคฮิสโตพลาสโมซิส ซึ่งเป็นโรคหลัก ๆ ที่มักเกิดจากนกพิราบนั้นเอง

 

นกพิราบ นับว่าเป็นปัญหาที่สร้างความรำคาญใจไม่น้อย การแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดคือการป้องกันตั้งแต่เริ่ม จึงควรไล่ให้พ้นจากที่พักอาศัยไม่ให้มาทำรังหรือบินมาเกาะอาศัยอยุ่ภายในบ้าน หรือปิดช่องใต้หลังคา ชายคา ติดตาข่าย หมั่นกำจัดรังนก เพื่อให้บ้านปลอดภัยจากบรรดาเหล่านกพิราบพวกนี้

Back to Top

นโยบายการคืนเงิน

เงื่อนไขการคืนเงิน

  1. กรณีลูกค้าเลือกชำระด้วยบัตรเครดิต

1.1 หากมีการยกเลิกรายการก่อนทำการบรรจุสินค้าลงกล่อง ทางบริษัทฯ จะทำการคืนวงเงินกลับไปยังบัญชีบัตรเครดิตภายในวันทำการถัดไป

1.2 กรณีที่มีการคืนสินค้าหลังได้รับสินค้าเรียบร้อยแล้ว ทางบริษัทฯ จะทำการปรับปรุงคืนวงเงินไปยังบัญชีบัตรเครดิต หรือ Paypal ของลูกค้าภายใน 14 วันทำการนับจากวันที่บริษัทฯ ได้ทำการตรวจสอบและยืนยันการรับคืนสินค้า

  1. กรณีลูกค้าชำระด้วยวิธีการอื่น ๆ นอกเหนือจากข้อ 1

2.1 สำหรับรายการที่มีมูลค่าไม่เกิน 1,000 บาท ทางบริษัทฯ จะทำการโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ของลูกค้า ภายใน 3 วันทำการนับจากวันที่บริษัทฯ ได้ทำการตรวจสอบและยืนยันการรับคืนสินค้า

2.2 สำหรับรายการที่มีมูลค่ามากกว่า 1,000 บาทขึ้นไป ทางบริษัทฯ จะทำการโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ของลูกค้า ภายใน 5 วันทำการนับจากวันที่บริษัทฯ ได้ทำการตรวจสอบและยืนยันการรับคืนสินค้า

เงื่อนไขการรับประกัน

บริษัทฯ รับประกันสินค้าเป็นเวลา 1 ปี นับจากวันที่ซื้อสินค้า และมีเงื่อนไขและข้อกำหนดดังนี้

  1. ภายใต้ระยะเวลาของการรับประกัน บริษัทฯ อาจทำการซ่อมหรือเปลี่ยนสินค้าตัวใหม่ให้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัทฯ
  2. หลังจากซ่อมหรือเปลี่ยนสินค้า การนับระยะเวลารับประกันจะเริ่มนับต่อเนื่องจากที่เหลืออยู่
  3. บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการคิดค่าใช้จ่ายในการซ่อมหรือเปลี่ยนสินค้า โดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ ของบริษัทฯ
  4. สินค้าที่ส่งเคลม จำเป็นต้องทิ้งไว้เพื่อตรวจสอบความบกพร่องหรืออาการเบื้องต้นก่อน
  5. บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบต่อสินค้าที่เสียหายที่อยู่นอกข่ายการรับประกัน หรือ สินค้าที่หมดประกันแล้ว

การรับประกันที่ถือเป็นโมฆะตามเงื่อนไข

  1. สินค้าไม่มี void รับประกันของบริษัทฯ หรือไม่มีหมายเลขเครื่องสินค้า (S/N) หรือสติ๊กเกอร์ของบริษัทฯหรือหลักฐานที่แสดงว่าเป็นสินค้าของบริษัทฯ
  2. สินค้าที่เกิดความเสียหายจากการดัดแปลงแก้ไขหรือซ่อมแซม โดยบุคคลที่ไม่ได้รับมอบหมายจากบริษัทฯ การแกะ/ชำแหละ/ดัดแปลงแปลงแก้ไขโดยผู้ใช้
  3. สินค้าที่เกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุ น้ำ อาหาร ความชื้น อุณหภูมิที่สูงหรือต่ำเกินไป
  4. สินค้าที่เสียหายจากการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง เช่น การติดตั้งผิดพลาด การตกกระแทกแตกหักเสียหาย สัตว์เลี้ยงกัดแทะ ฯลฯ มีผลให้สินค้าเสียหาย เป็นต้น

นโยบายความเป็นส่วนตัว

บริษัทฯ จะพยายามอธิบายผลิตภัณฑ์ให้ถูกต้อง ตรงกับความเป็นจริงมากที่สุด อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ไม่สามารถยืนยันได้ว่าคำบรรยายผลิตภัณฑ์บนเว็บไซต์จะปราศจากข้อผิดพลาดทั้งมวล ดังนั้นหากท่านไม่พอใจในสินค้า หรือเห็นว่าไม่ตรงกับคำบรรยาย บริษัทฯ ยินดีที่จะรับคืนสินค้า (ตามเงื่อนไขการเปลี่ยน คืนสินค้า) เช่นเดียวกัน บริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะแสดงรูปภาพสินค้าที่มีสีที่ถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริง แต่สีที่แสดงบนหน้าจอของท่านอาจผิดเพี้ยนได้ตามการตั้งค่าของหน้าจอ คอมพิวเตอร์ที่แตกต่างกันไป

  1. การป้องกันการฉ้อโกง
    บริษัทฯ มีกระบวนการตรวจสอบการฉ้อโกงหรือการกระทำที่ผิดกฎหมาย บริษัทฯมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธหรือระงับคำสั่งซื้อ หากตรวจพบบัญชีที่มีประวัติการฉ้อโกง และฝ่ายบริการลูกค้าของบริษัทฯ อาจติดต่อท่านผ่านทางโทรศัพท์เพื่อให้ท่านยืนยันคำสั่งซื้อได้ บริษัทฯ อาจยกเลิกบัญชีของผู้ใช้บริการ หากตรวจพบการฉ้อโกงหรือพฤติกรรมที่ผิดกฎหมาย บริษัทฯ บังคับใช้นโยบายดังกล่าวเพื่อปกป้องผู้ใช้บริการของเรา รวมทั้งบริษัทฯ เองจากการถูกต้มตุ๋น หลอกลวง หรือการกระทำที่ผิดกฎหมาย
  2. ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ
    บริษัทฯ ยินดีรับความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากท่านเกี่ยวกับเว็บไซต์ สินค้าและบริการของบริษัทฯโดยความคิดเห็นและข้อเสนอแนะดังกล่าวจะไม่ถือเป็นความลับ และอาจถูกนำไปใช้ ดัดแปลง ทำซ้ำ และเผยแพร่ได้เพื่อจุดประสงค์ใดๆ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะไม่เชื่อมโยงชื่อนามสกุลของท่านกับความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของท่าน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากท่านก่อนเว้นแต่ในกรณีที่เป็นการขัดต่อข้อกฎหมายเท่านั้น

นโยบายการจัดส่ง

บริษัทฯ ยินดีรับเปลี่ยนหรือคืนสินค้าภายใน 14 วันหลังจากการสั่งซื้อ ตามกรณีดังต่อไปนี้

  1. ในกรณีที่ทางบริษัทฯจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าผิดจากรายละเอียดจากการยืนยันการสั่งซื้อครั้งล่าสุดจากทางบริษัท ทางบริษัทฯ ยินดีที่จะรับเปลี่ยนและจัดส่งสินค้าที่ถูกต้อง ให้กับลูกค้าใหม่ภายใน วันทำการ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ
  2. ในกรณีที่มีปัญหาจากตัวสินค้าชำรุดเสียหายเนื่องจากการผลิต หรือสินค้าเกิดความเสียหายเนื่องจากการขนส่งจากทางบริษัท ทางบริษัทฯยินดีที่จะรับเปลี่ยนและจัดส่งสินค้าที่ถูกต้อง ให้กับลูกค้าใหม่ภายใน วันทำการ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ